นราธิวาส - ภาครัฐเตรียมทุ่มงบกว่า150ล้านติดกล้องอินฟาเรดริมพรมแดนแม่น้ำโก-ลก ป้องกันโจรใต้ใช้เป็นเส้นทางผ่านเข้าออกก่อเหตุ ขณะที่เตรียมออกหมายจับคนร้านก่อเหตุปล้นทอง 2 คน
วันนี้ (13 ต.ค.) ผู้สื่อข่าวรายงานความเคลื่อนไหวในการสกัดกั้นกลุ่มสมาชิกผู้ก่อเหตุรุนแรง ใช้ช่องทางข้ามธรรมชาติในการลักลอบเข้า ออกระหว่างพื้นที่เมืองรันตูปันยัง รัฐกลันตัน ประเทศมาเลเซียกับพื้นที่ริมพรมแดนด้าน จ.นราธิวาส หลังจากก่อนเหตุร้ายแล้วมักหลบหนีไปกบดานประเทศเพื่อนบ้านบ่อยครั้ง
จากการตระเวนตรวจสอบช่องทางข้ามจุดผ่อนปรนทั้ง 6 จุด คือ ท่าข้ามท่ากอไผ่, ท่าโรงเลื่อย, ท่าประปา, ท่าโต๊ะอาแว, ท่าเจ๊ะกาเซ็งและท่าชมพู เขตเทศบาลเมืองสุไหงโก-ลก พบว่ามีกำลังเจ้าหน้าที่คอยดูแลความปลอดภัยอย่างเข้มงวดทั้ง 6 จุด ขณะเดียวกัน ร.อ.ธนพนธ์ พันธ์โภชน์ ผู้บังคับกองร้อยป้องกันชายแดนที่ 5 ได้ตระเวนตรวจสอบผู้ใต้บังคับบัญชาที่ถูกส่งตัวมาปฏิบัติหน้าที่ทั้ง 6 จุดช่องทางข้าม เพื่อคอยให้การตรวจสอบบุคคลที่เดินทางเข้าออก ระหว่าง 2 ฟากฝั่ง ที่มีการผ่อนปรนเป็นช่วงๆ เพื่อให้ประชาชนดำรงวิถีชีวิตได้ตามปกติ ซึ่งเส้นทางดังกล่าวประเทศมาเลเซียได้ติดประกาศแจ้งเตือนห้ามใช้เป็นเส้นทางไป-มา หากมีการลักลอบจะถูกดำเนินคดี โดยได้ประกาศมาแล้วเกือบ 1 ปี แต่ก็ยังคงมีประชาชนใช้เป็นเส้นทางเดินทางไปมาอยู่
จากการสอบถามถึงการแก้ไขปัญหาระยะยาว เรื่องการสกัดกั้นกลุ่มผู้ก่อเหตุรุนแรงจะใช้ช่องทางข้ามธรรมชาติ เป็นเส้นทางเข้าออกระหว่างประเทศทั้งแฝงตัวข้ามมาก่อเหตุรวมทั้งหลังก่อเหตุใช้เป็นเส้นทางหลบหนีเข้าประเทศมาเลเซียนั้น ล่าสุดทราบว่ามีการเตรียมจัดสรรงบประมาณกว่า 150 ล้านบาท ในการติดตั้งกล้องวงจรปิดเป็นช่วงๆ โดยแยกเป็นกล้องวงจรปิดทั่วไปและเป็นกล้องวงจรปิดระบบอินฟาเรด ซึ่งแต่ละจุดจะพิจารณาถึงความเหมาะสมว่า จุดนั้นจุดนี้ควรติดกล้องวงจรแบบใด ซึ่งหลังติดตั้งแล้วจะมีเจ้าหน้าที่ทหารดูแลตลอด 24 ชั่วโมง ซึ่งหากดำเนินการติดตั้งแล้วเชื่อว่าจะสกัดกั้นยาเสพติด สิ่งผิดกฎหมายในทางอ้อมด้วย
โอกาสนี้ ร.อ.ธนพนธ์ ผู้บังคับกองร้อยป้องกันชายแดนที่ 5 ได้เดินทางไปยังห้างบิ๊กซีสาขาสุไหงโก-ลก เพื่อเยี่ยมให้กำลังใจพนักงานร้านทองเยาวราชกรุงเทพ ซึ่งได้เปิดร้านตั้งแต่วันที่ 9 ต.ค.68 ที่ผ่านมา แต่ยังไม่ได้นำทองรูปพรรณมาวางจำหน่าย แต่เปิดร้านเพื่อให้ลูกค้าที่นำทองรูปพรรณมาจำนำกับทางร้าน ได้มาไถ่ถอน โดยนำเอกสารหลักฐานที่ทางร้านออกให้มาตรวจสอบ ว่าทองรูปพรรณที่นำมาจำนำกับทางร้านมาแสดง เพื่อให้ร้านดำเนินการตรวจสอบ และดำเนินการจ่ายทดแทนหากทองที่จำนำถูกคนร้ายปล้นไปด้วย
ส่วนป้อมบังเกอร์กันกระสุนที่เจ้าหน้าที่ตำรวจได้นำมาติดตั้งไว้บริเวณปากทางเข้าห้างบิ๊กซี ตั้งแต่วันที่ 9 ต.ค.68 ที่ผ่านมา เพื่อให้การรักษาความปลอดภัย และเป็นการสร้างความเชื่อมั่นให้กับประชาชนทั้งชาวไทยและชาวมาเลเซียนั้น ล่าสุด ได้มีเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.สุไหงโก-ลก เจ้าหน้าที่ทหารชุดเฉพาะกิจนาวิกโยธิน 33 และกองอาสารักษาดินแดน อ.สุไหงโก-ลก สลับปรับเปลี่ยนกันมาปฏิบัติหน้าที่
ขณะที่ความคืบหน้าทางคดีขณะนี้เจ้าหน้าที่กำลังรวบรวมประจักษ์พยานหลักฐาน และเตรียมออกหมายจับกลุ่มคนร้ายที่ร่วมกันก่อเหตุปล้นทองแล้ว 2 คน แต่ยังไม่ได้รับการเปิดเผยรายละเอียดได้