ศูนย์ข่าวหาดใหญ่ - โฆษก กมธ.การทหารฯ วุฒิสภา ชี้สถานการณ์ไฟใต้รุนแรงขึ้นเพราะความล้มเหลวด้าน "การข่าว" ที่สะสมมา 21 ปี แม้แม่ทัพคนใหม่จะสั่งการเชิงลึก แต่ก็เหมือนทุกครั้งที่ผ่านมาที่ไม่ได้ผลจริง จี้ให้เกิดการปฏิรูปงานข่าวกรองอย่างจริงจัง เพราะหากยังมืดบอด งานป้องกันก็ไร้ทิศทางและไม่ได้ผล
วันนี้ (12 ต.ค.) นายไชยยงค์ มณีรุ่งสกุล สมาชิกวุฒิสภา โฆษกกรรมาธิการทหารฯวุฒิสภา กล่าวว่า สถานการณ์ก่อความไม่สงบชายแดนภาคใต้มีความถี่เพิ่มขึ้นไม่ได้ขึ้นอยู่กับแม่ทัพภาคที่ 4 คนใหม่หรือคนเก่า บีอาร์เอ็นได้วางยุทธศาสตร์ไว้แล้วคิอ 3 ทำลาย ที่นำมาปฏิบัติการณ์ในจังหวัดชายแดนภาคใต้ คือ 1.ทำลายสาธารณูปโภคของรัฐ อาทิวางเพลิงหรือวางระเบิด 2.ทำลายเศรษฐกิจทั้งทางตรงและทางอ้อม โดยการวางเพลิงต่างๆ ต่อไปอาจจะมีการวางระเบิดร้านค้าใหญ่ๆ ใน 7 หัวเมืองเศรษฐกิจของสามจังหวัดชายแดนภาคใต้ ที่ กอ.รมน.ป้องกันไม่ให้เกิดเหตุ แต่เราป้องกันไม่ได้ และ 3.ทำลายสัญลักษณ์ของรัฐไทย
นายไชยยงค์ กล่าวว่า วันนี้เมื่อรู้ว่าแผนของบีอาร์เอ็นอยู่ตรงนี้ จะป้องกันอย่างไร ต้องรู้เขารู้เรา คือรู้ว่า บีอาร์เอ็นจะก่อเหตุอะไร อย่างไร มาป้องกัน งานป้องกันของเราที่ล้มเหลวมาตลอดคืองานการข่าว ยกตัวอย่างวางแผนข้ามแม่น้ำสุไหงโก-ลค มาจากรัฐกลันตัน ประเทศมาเลเซีย ปล้นร้านทองในบิ๊กซี ก่อนปล้นมีการวางแผนกัน ประสานงานกับกองกำลังติดอาวุธในพื้นที่ ประสานงานกับแนวร่วมที่เป็นแหล่งข่าว ถามว่า ก่อนปล้น หน่วยงานทหารและตำรวจได้เบาะแสหรือไม่ ก็ไม่มี นี่คือความล้มเหลว ที่ต้องมองให้ออกไปแก้
“วันนี้แม่ทัพภาค 4 คนใหม่ พล.ท.นรธิป พวยนอก สั่งการให้ปฏิบัติการด้านการข่าวให้วิเคราะห์เชิงลึก เข้าถึงกลุ่มขบวนการมากขึ้น นี่ถูกต้อง ผมเห็นว่าทุกแม่ทัพพูดอย่างนี้แหละ แต่งานการข่าวไม่ดีขึ้นเลย เพิ่มความเข้มงวดในการตรวจตราและให้ทุกหน่วยเพิ่มความเข้าใจ ทำมาแล้ว 21 ปี ไม่ได้ผล เราต้องมาซีลแนวชายแดนทุกครั้งเมื่อเกิดเหตุ แต่ไม่เคยซีลแนวชายแดนได้เลย” นายไชยยงค์ กล่าว
นายไชยยงค์ กล่าวว่า เรื่องสร้างความเข้าใจ ถามว่าสร้างความเข้าใจกับใคร ต้องให้ชัด ถ้าสร้างความเข้ากับประชาชน ไม่ต้องพูด ถ้าตราบใดอำนาจของบีอาร์เอ็นเข้มข้น ไม่ต้องไปสร้างความเข้าใจกับประชาชน เพราะประชาชนเข้าใจทุกเรื่อง แต่ประชาชนไม่ให้ความร่วมมือ เพราะเขาเกรงกลัวอิทธิพลของบีอาร์เอ็น กองทัพภาค 4 หรือ กอ.รมน.ภาค 4 ส่วนหน้าไม่เข้าใจ เขาเข้าใจมากกว่าเรา แต่เขาอยู่เป็น ตราบใดอำนาจรัฐไม่มีการสถาปนาให้มีความเข้มข้น ไม่ต้องสร้างความเข้าใจ เขาไม่มาเป็นพวกเรา สิ่งที่แม่ทัพภาคที่ 4 ต้องรู้ เพิ่มความเข้มงวดในการตรวจตรา เกิดเหตุทุกครั้ง ก็มีการเข้มงวด แต่มีการเข้มงวดได้กี่วัน ก็ปล่อยเมื่อเกิดช่องว่างเหตุการณ์ก็เกิดขึ้นอีก มันก็เหมือนเดิมอีก
นายไชยยงงค์ กล่าวว่า ขบวนการติดอาวุธมีเสรีในการเคลื่อนไหว เราไม่สามารถรักษาพื้นที่ได้เลย เพราะเราไม่รู้ว่าโจรจะก่อเหตุพื้นที่ตรงไหน เมื่อไหร่และอย่างไร สุดท้ายแม่ทัพภาคที่ 4 พูดเหมือนคนเดิม ให้ชุมชนผ่านสภาสันติสุข ให้ทหารเป็นที่พึ่งของประชาชน ถามว่าวันนี้ทหารเป็นที่พึ่งของประชาชนไม่ เมื่อทหารแต่ละหน่วยต้องรักษาหน่วยของตัวเอง ไม่ได้ไปดูแลประชาชน
“เพราะเป้าหมายของชบวนการไม่ใช่ประชาชน เป้าหมายของขบวนการคือเจ้าหน้าที่รัฐและเป้าหมาย 3 จุดต้องไปดูแลหรือควบคุม ต้องรู้เขารู้เรา ในเรื่องรู้เขา เราไม่รู้เลย สิ่งที่เกิดขึ้นคือการปล้นทอง ในการวางระเบิดสวนขวัญเมือง วางระเบิดตู้เอทีเอ็ม มีคนในพื้นที่ตั้งข้อสังเกตว่า มันเกิดจากการเกียร์ว่างหน่วยงานของรัฐในพื้นที่หรือไม่ เกียร์ว่างคืออยู่เฉยๆ ให้ขบวนการมีอิสระเสรีในการทำงาน ส่วนจะลองของหรือไม่ไปคิดเอาเอง”
นายไชยยงค์ กล่าวว่า เพราะอยู่ในช่วงการโยกย้ายสับเปลี่ยนหน้าที่ของ กอ.รมน.ภาค 4 ส่วนหน้า ผบ.ฉก.ก็มีการเปลี่ยน หลายๆ หน่วยในพื้นที่ก็มีการเปลี่ยน กว่าคนใหม่จะทำงานเข้ารูปเข้ารอย การที่จะได้รับความร่วมมือจากประชาชน เกิดช่องว่างเราจะอุดช่องว่างอย่างไร วันนี้ นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี ลงมาติดตามสถานการณ์ในพื้นที่ วันก่อน พล.อ.ณัฐพล นาคพาณิชย์ รมว.กลาโหม ก็ลงมาในพื้นที่ พูดเหมือนกัน คือ 1.ให้มีการปฏิบัติการให้เข้มข้น ทุกครั้งเมื่อมีเหตุการณ์เข้มข้น โจรรู้ ในระหว่างนี้จะไม่มีเหตุไม่น้อยกว่า 7 วัน หลังงจาก 7 วันไปแล้วสถานการณ์จะกลับมาเหมือนเดิมอีก มีช่องว่างให้โจรก่อเหตุได้อีก วัฎจักรของการก่อการร้ายในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้จะวนเวียนอย่างนี้ ถ้าเราไม่มีนโยบายเอาชนะขบวนการก่อการร้ายที่แท้จริง วันนี้ยุทธศาสตร์ชนะบีอาร์เอ็นคืออะไร ยังไม่มีคำตอบ
นายไชยยงค์ กล่าวว่า การตั้งหัวหน้าพูดคุยสันติสุข ถามว่าจะไปเจรจากับใคร ขบวนการในการเจรจามีป้ายหมายแล้วหรือยัง หลังจากการแต่งตั้งแล้ว มีใครบ้าง เป้าหมายสำคัญคือเจรจากับใคร ถ้าเจรจากับคนที่มาเลเซียจัดตั้งมาก็ไม่ต้องไปเจรจา ให้ไปเจรจากับคนที่มีอำนาจของขบวนการบีอาร์เอ็น คนที่มีอำนาจของบีอาร์เอ็นมี 2-3 คน คือ 1.ปราญช์ขบวนการบีอาร์เอ็น 2.เลขาธิการขบวนการบีอาร์เอ็น และ 3.ผู้นำจิตวิญญาณบีอาร์เอ็น หากเจรจาในพื้นที่ เจรจาผู้นำกองกำลังติดอาวุธในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ซึ่งมีรายชื่ออยู่แล้ว แต่จะเข้าถึงหรือไม่ หากเจรจาผิดตัวก็เหมือนกับเจรจาที่ผ่านมาไม่เกิดผลประโยชน์อะไร ครั้งนี้ต้องกำหนดการเจรจาให้ถูกต้อง ไปเจรจากับใคร ถ้าไม่ใช่ตัวจริงก็ไม่ต้องเจรจา เพราะเจรจาผิดตัวไปไม่เกิดประโยชน์อะไร ไฟใต้มันก็ไม่ดับ
นายไชยยงค์ กล่าวว่า ตนในฐานะกรรมาธิการทหารฯ แนะนำแม่ทัพภาค 4 มองว่างานบูรณาการในการแก้ปัญหาชายแดนภาคใต้ยังบูรณาการไม่จริง หน่วยงานที่ทำงานบูรณาการตามตัวหนังสือ การร่วมมือแท้จริงยังไม่เกิดขึ้น ทำอย่างไรเอาฝ่ายปกครองมาร่วมในการแก้ปัญหาดับไฟใต้ ฝ่ายปกครองเป็นส่วนสำคัญในการดับไฟใต้มากๆ เชื่อว่าผู้นำท้องที่ท้องถิ่นรู้เรื่องทั้งหมดในพื้นที่ปกครอง ใครคือแนวร่วมในตำบลในหมู่บ้าน
คนเป็นนายอำเภอต้องมีบทบาทรู้หน้าที่รักษาพื้นที่ งานการข่าวที่ดีที่สุดมาจากผู้นำท้องที่ หากผู้นำท้องที่ให้ความร่วมมืองานการข่าวกับหน่วยงานของรัฐ ผมคิดว่าไม่มีอะไรที่ไม่รู้ เราไม่ได้ใช้ฝ่ายปกครองมาทำหน้าที่ในการร่วมกันดับไฟใต้อย่างแท้จริง สังเกตไหมอำเภอที่เกิดเหตุเยอะๆ มีการย้ายผู้กำกับฯ แต่นายอำเภอไม่เคยถูกย้าย ผบ.ฉก.ไม่เคยถูกย้าย ผู้ว่าฯมีบทบาทในการบูรณาการในเรื่องดับไฟใต้มากน้อยเท่าไหร่ นายกรัฐมนตรีในฐานะรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยต้องดูรายละเอียดและแก้ปัญหา
นายไชยยงค์ กล่าวว่า งานการข่าวมีแต่สั่งให้ทำเข้มข้น แล้วเงินในการทำการข่าว งบประมาณการข่าวมันถึงมือเจ้าหน้าที่การข่าวหรือไม่ มีการนินทาตลอดว่า งบประมาณที่ใช้ในการทำข่าวตกในมือผู้ใหญ่ อยู่กับนายทหารสูงๆ ไม่เอื้อเฟื้อเผื่อแผ่มายังเจ้าหน้าที่การข่าว ที่ทำหน้าที่การข่าวจริงๆ ทั้งๆ ที่งานการข่าวคือหัวใจสำคัญ มีการจะเอาชนะหากการข่าวมืดบอด งานป้องกันก็สะเปะสะปะ ต่อให้ในพื้นที่มีด่านทุก 1 กิโลเมตร ด่านนั้นตั้งเกะกะการสัญจรจนกลายเป็นเงื่อนไขทที่ทำให้ประชาชนไม่พอใจ
นายไชยยงค์ กล่าวว่า มีการพูดว่าเราซีลแนวชายแดนแม่น้ำสุไหงโก-ลกได้ผล ทำให้ขบวนนอกกฏหมายไม่สามารถจะค้าขายในระหว่างสองประเทศได้ ทำให้ผลประโยชน์ที่ขบวนการมีอยู่หายไป ทำให้บีอาร์เอ็นหันมาปล้นร้านทอง ตรงนี้เราพูดเข้าข้างตัวเอง เหตุการณ์ปล้นร้านทองในพื้นชายแดนภาคใต้ไม่ใช่เพิ่งเกิดที่สุไหงโก-ลกครั้งแรก มันเกิดมาแล้ว 4-5 ครั้ง การปล้นร้านทองไม่ใช่ปัจจัย โจรไม่มีเงินแล้วมาปล้นร้านทอง การปล้นร้านทองต้องการทำลายเศรษฐกิจ การค้าในพื้นที่ ทำให้เศรษฐกิจในพื้นสุไหงโก-ลก ซบเซา คือการทำลายเศรษฐกิจในพื้นที่ของบีอาร์เอ็น
“ที่ผมกล้าพูดเพราะขบวนการค้าของเถื่อนตลอดลำน้ำสุไหงโกลคยังอยู่ได้ทุกขบวนการ อาทิ ขบวนการยาเสพติดจากภาคต่างลงมา จ.นราธิวาส ขบวนการค้าคนเถื่อน ก็ยังมีการเอาคนเถื่อนพักไว้ที่ อ.แว้ง ตากใบ อ.สุไหงโก-ลก ขนข้ามไปยังประเทศมาเลเซียอย่างสะดวกโยธิน การค้าน้ำมันเถื่อน บุหรี่เถื่อนยังงมีอยู่ปกติ การปล้นทองทำให้กองกำลังติดอาวุธในพื้นที่ได้เงินไปใช้ฟรีๆ โดยไม่เหนื่อย การปล้นทองนาทวีทำไมไม่พูดว่าโจรมันอดอยาก คุณไม่มีปัญญาซีลช่องทางธรรมชาติตลอดแนวแม่นำสุไหงโกลค ตั้งแต่ อ.แว้ง- อ.ตากใบ ไปบอกว่าโจรมันอดอยากจึงปล้นทอง หากเรามีปัญญาซีลช่องทางเข้าออก เราป้องกันเหตุร้ายได้อย่างน้อย 50%”
นายไชยยงค์ กล่าวว่า เมื่อมีการก่อเหตุร้ายทุกครั้ง โจรจะหนีไปหลบช่อนตัวอยู่ในประเทศเพื่อนบ้าน มาจากเราซีลแนววชายแดนไม่ได้ผล งานการข่าวไม่ดีเลย โจรเข้ามาเมื่อไหร่ ปล้นเสร็จแล้วออกทางไหน ปฏิสัมพันธ์กับเพื่อนบ้านไม่มีความร่วมมือที่ดีและชัดเจน ทำให้เพื่อนบ้านให้พื้นที่ ที่อยู่อาศัยของขบวนการตั้งฐานที่มั่นแล้วมาก่อเหตุในสามจังหวัดของเรา