ปัตตานี - นายกฯ อนุทิน ย้ำไม่มีช่วงทดลองงาน กับปัญหาชายแดนใต้ ผนึกกำลังทุกฝ่ายให้เป็นหนึ่งเดียว ยกระดับงานข่าวหยุดยั้งการก่อเหตุ บังคับใช้กฏหมายให้เท่าเทียม มั่นใจ พล.อ.สมศักดิ์ หัวหน้าคณะพูดคุยสันติสุข วางกรอบชัดสร้างสันติภาพ
วันที่ 11 ต.ค.68 นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรีและรมว.กระทรวงมหาดไทย ได้ให้สัมภาษณ์ภายหลังประชุมร่วมกับหน่วยงานด้านความมั่นคงและผู้ว่าราชการจังหวัดชายแดนภาคใต้ 7 จังหวัด ที่ค่ายสิรินธร อ.ยะรัง จ.ปัตตานี โดยมี พล.อ.ณัฐพล นาคพาณิชย์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม นายสีหศักดิ์ พวงเกตุแก้ว รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ นายทรงศักดิ์ ทองศรี รมช.กระทรวงมหาดไทย นายฉัตรชัย บางชวด เลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ และ พล.อ.สมศักดิ์ รุ่งสิตา หัวหน้าคณะพูดคุยเพื่อสันติสุข และ พล.อ.พนา แคล้วปลอดทุกข์ ผู้บัญชาการทหารบก ร่วมลงพื้นที่ โดยมี พ.ท.นรธิป โพยนอก แม่ทัพภาคที่ 4 และ พล.ต.ท.ปิยะวัฒน์ เฉลิมศรี ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 9 รายงานสถานการณ์ที่เกิดขึ้นในห้วงที่ผ่านมา
นายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า จากการได้รับฟังสถานการณ์ทั้ง 3 ฝ่าย ไม่ว่าจะเป็นทาง กองทัพ ตำรวจ ฝ่ายปกครอง และ ศอ.บต.ได้รับทราบปัญหาและการปฏิบัติ โดยตนได้ให้ความมั่นใจกับหน่วยงานว่าขอให้บูรณาการให้ได้เป็นอย่างยิ่ง ในรัฐบาลนี้ตนมีบทบาทหน้าที่ดูแลมหาดไทยด้วย จะให้ทุกหน่วยงานกลับมาเป็นหนึ่งเดียวกัน ต้องการบังคับใช้กฏหมายให้เด็ดขาด และทำงานยกระดับด้านการข่าว เน้นในเรื่องความปลอดภัยของพี่น้องประชาชนเป็นสิ่งสำคัญ
"การยกระดับงานการข่าวเชิงรุก เราต้องทำงานให้เร็วกว่าผู้ก่อเหตุหนึ่งก้าวเสมอ ต้องบูรณาการงานข่าวอย่างไร้รอยต่อ เพื่อหยุดยั้งก่อนเหตุเกิด ส่วนการบังคับใช้กฏหมายให้เท่าเทียมกัน ประชาชนบริสุทธิ์ต้องได้รับการคุ้มครอง และผู้กระทำผิดและผู้ที่ใช้ความรุนแรงจะต้องถูกนำเข้าสู่กระบวนการยุติธรรมอย่างเด็ดขาดเข้มงวดให้กระบวนการยุติธรรมมั่นใจกับประชาชน"
ส่วนกรณีเหตุปล้นทอง ที่ จ.นราธิวาส นายกรัฐมนตรี กล่าวย้ำว่า การติดตามคนร้าย ทางกองบัญชาการตำรวจภูธรภาค 9 กำลังดำเนินการอยู่ ซึ่งในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ ทราบดีว่าลักษณะพื้นที่ทำให้ ผู้กระทำผิดก่อเหตุร้าย สามารถหลบข้ามแดนไปทันที ในระยะเวลาอันสั้น ดังนั้นจึงต้องตั้งจุดตรวจ ลาดตระเวน ตรวจสอบช่องทางออกธรรมชาติให้มากที่สุด จึงขอความร่วมมือกับทุกภาคส่วนช่วยกันดูแลความมั่นคงชายแดน
ผู้สื่อข่าวถามว่า เหตุรุนแรงที่เกิดขึ้นในช่วงนี้เป็นเพราะมีการเปลี่ยนผ่านตำแหน่งสำคัญอย่างแม่ทัพภาคที่ 4 และกำลังพลหรือไม่ นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ไม่น่าจะเกี่ยวข้องกัน เพราะไม่สามาถไปอ่านใจผู้ก่อเหตุได้ และบางครั้งอาจเกิดเหตุในจังหวะที่สอดคล้องกับการเปลี่ยนแปลง คนที่มารับหน้าที่ทุกตำแหน่งไม่ว่าจะเป็นนายกรัฐมนตรี ก็ไม่มีช่วงทดลองงาน โดยเฉพาะปัญหาจังหวัดชายแดนภาคใต้ที่เกี่ยวข้องกับชีวิตของประชาชน
"คนที่มาเป็นแม่ทัพภาคที่ 4 เลขาศอ.บต ผู้ว่าฯ หรือนายกรัฐมนตรี ไม่มีช่วงทดลองงาน ต้องทำงานได้เลย ไม่ว่าจะเกิดเหตุอะไรขึ้นมา จะไม่บอกว่า เรามาใหม่จึงยอมให้เกิดขึ้นใหม่ แล้วอีก 2-3 เดือนว่ากันใหม่ อย่างนี้ไม่ได้ เข้ามาใหม่ก็ต้องดำเนินการอย่างเต็มที่ เอาตัวคนกระทำผิดมาลงโทษตามกฏหมายให้เร็วที่สุด"
นายกรัฐมนตรี กล่าวด้วยว่า จะเดินหน้ากระบวนการพูดคุยเพื่อสันติภาพ หลังแต่งตั้ง พล.อ.สมศักดิ์ รุ่งสิตา เป็นหัวหน้าคณะพูดคุยเพื่อสันติสุขคนใหม่ ซึ่งตนเคยทำงานร่วมันมา 2-3 รัฐบาลแล้ว ในสมัยที่ พล.สมศักดิ์ เป็นเลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ หลังจากได้รับการเสนอจากรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ก็มั่นใจว่า พล.อ.สมศักดิ์ จะปฏิบัติหน้าที่หัวหน้าคณะพูดคุยเพื่อสันติสุขได้เต็มที่ เพราะมีความสัมพันธ์ที่ดีกับกองทัพ และเข้าใจปัญหาดี ซึ่งจะให้ช่วยงานด้านเจรจาในกรอบอื่นๆกับประเทศเพื่อนบ้านด้วย
ส่วนการนำรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ลงพื้นที่มาด้วย นายกรัฐมนตรีกล่าวว่า เพื่อให้เข้าใจมติการต่างประเทศ โดยเฉพาะกับมาเลเซีย ซึ่งเป็นมหามิตรที่ให้ความร่วมมือกันมาตลอด
นายกรัฐมนตรี เปิดเผยด้วยว่า ในฐานะที่ดูแลด้านความมั่นคง ก็ต้องดูแลปัญหาจังหวัดชายแดนภาคใต้ด้วยตัวเอง ส่วนปัญหาที่ผ่านมาถึงขั้นต้องสร้างรั้วกั้นชายแดนไทย-มาเลเซียหรือไม่ อาจยังไม่จำเป็น ซึ่งทางกองทัพยืนยันว่าจะดำเนินการทุกอย่างในการรักษาอธิปไตย ไม่มีใครอยากให้ถึงจุดนั้น แต่ถ้าล่วงละเมิดกฏหมาย มีความเป็นอันตรายต่ออธิปไตยของเรา เราพร้อมจะดำเนินการอย่างเต็มที่ไม่ให้สิ่งเหล่านั้เกิดขึ้น เมื่อถามว่าห่วงอะไรมากที่สุด นายกรัฐมนตรีกล่าวว่า ห่วงความปลอดภัยของประชาชน
"ผมห่วงความปลอดภัยของประชาชน ไม่ห่วงความสามารถของกองทัพไทย ไม่ห่วงความสามารถในการดำเนินความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ ของกระทรวงการต่างประเทศ ไม่ห่วงการทำงานในฐานะหัวหน้ารัฐบาล เพราะจะทำให้ผลลัพธ์ เกิดประโยชน์สูงสุดของประเทศไทย" นายกรัฐมนตรี กล่าว