xs
xsm
sm
md
lg

2 โจรย่องยกตู้เซฟประธานสภาอุตฯ ภาคใต้กวาดทรัพย์กว่า 10 ล้านบาท

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



ตรัง - 2 คนร้ายย่องยกตู้เซฟประธานสภาอุตสาหกรรมภาคใต้ ในบ้านหลังใหญ่กลางชุมชน ต.นาเมืองเพชร อ.สิเกา จ.ตรัง ได้ทรัพย์กว่า 10 ล้าน โดยวงจรปิดจับภาพไว้ได้ ตร.ทราบเบาะแสแล้ว ระดมกำลังเร่งล่า

วันนี้ (2 ต.ค.) พนักงานสอบสวน สภ.สิเกา จ.ตรัง พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่พิสูจน์หลักฐาน จ.ตรัง ชุดสืบสวน สภ.สิเกา และตำรวจชุดสืบสวนภูธร จ.ตรัง นำโดย พ.ต.อ.รัฐกร ภักดีวานิช ผู้กำกับการสืบสวนตำรวจภูธร จ.ตรัง นายสมปอง พ่วงพูน กำนันตำบลนาเมืองเพชร ลงพื้นที่บ้านตันเฮงชวน เลขที่ 209 หมู่ 4 ต.นาเมืองเพชร อ.สิเกา ของ นายอดิศร ตันเฮงชวน ประธานสภาอุตสาหกรรมภาคใต้ เพื่อตรวจสอบและเก็บหลักฐาน หลังเกิดเหตุ 2 คนร้าย เป็นชายทั้ง 2 คน ย่องเข้าไปลักทรัพย์ภายในบ้าน โดยพบว่ากล้องวงจรปิดจับภาพเห็นรูปพรรณได้อย่างชัดเจน คนแรกตัวเตี้ย ใช้เสื้อสีดำคลุมหัวปิดใบหน้า ส่วนคนที่ 2 รูปร่างผอมสูง ไม่สวมเสื้อ แต่เอาเสื้อคลุมหัวและปิดบังใบหน้าเช่นกัน พร้อมสวมรองเท้าแตะคีบ
จากการตรวจสอบพบว่า คนร้ายได้ยกตู้เซฟ ซึ่งเก็บของมีค่าจำนวนมาก เช่น เงินสด 2.8 ล้านบาท พระหลวงปู่ทวด รุ่น 2497 มูลค่ากว่า 1 ล้านบาท พระอื่นๆ สร้อยทอง แหวนเพชร นาฬิกา รวมทั้งหมดกว่า 10 รายการ มูลค่ารวมกว่า 10 ล้านบาท หลบหนีไป โดยเบื้องต้นพบว่า ตัวบ้านลักษณะ 3 ชั้น มีการสร้างกำแพงล้อมรอบ บริเวณด้านหลังเป็นโรงงาน และมีการติดตั้งกล้องวงจรปิดไว้มากกว่า 10 ตัว

คนร้ายได้ใช้วิธีปีนข้ามกำแพงหน้าบ้านเข้าไปภายในบ้าน มีการงัดหน้าต่างข้างบ้าน และประตูหลังของบ้านเพื่อเข้าไปขโมยทรัพย์สินภายในบ้าน โดยมีการถอดรองเท้าแตะเอาไว้บริเวณชั้นล่าง หน้าบันไดทางขึ้นชั้น 2 พร้อมทั้งยังมีรอยหยดเลือดหลายจุดทั้งภายในบ้าน และบริเวณสระน้ำข้างบ้าน เจ้าหน้าที่จึงได้เก็บนำไปตรวจพิสูจน์หา DNA เพื่อเป็นหลักฐานในการมัดตัวคนร้าย
ขณะที่บริเวณกำแพงหน้าบ้านติดโรงจอดรถ เจ้าหน้าที่พบหลักฐาน ซึ่งเป็นของเจ้าของบ้าน เช่น ไม้กอล์ฟที่เหลือแต่ด้าม 1 อัน ขวาน 1 เล่ม ถูกทิ้งไว้บนพื้นหญ้า และมีดเดินป่า 1 เล่ม ถูกวางไว้บริเวณกำแพงหน้าบ้าน นอกจากนั้นใกล้กันเจ้าหน้าที่พบฝาขวดไวน์ และขวดไวน์ของเจ้าของบ้านที่คนร้ายดื่มไปเหลือเพียงเล็กน้อยทิ้งไว้บนพื้นหญ้า และห่างออกจากตัวประมาณ 100 เมตร ซึ่งเป็นกำแพงเชื่อมต่อกับประตูทางเข้าโรงงาน เจ้าหน้าที่พบรถจักรยานยนต์ของแม่บ้าน 1 คัน ซึ่งทราบว่าคนร้ายใช้ในการขนตู้เซฟจากบริเวณลานจอดรถไปจอดไว้ และช่วยกันยกตู้เซฟปีนข้ามกำแพงหนีไป โดยเจ้าหน้าที่พิสูจน์หลักฐานได้เก็บหลักฐานลายนิ้วมือ เพื่อนำไปเทียบเคียงกับคดีลักทรัพย์ต่างๆ ที่เคยเกิดขึ้นก่อนหน้าที่
ทั้งนี้ เบื้องต้นตำรวจได้เบาะแสคนร้ายทั้ง 2 คนแล้ว และเป็นคนที่ตำรวจวางแผนติดตามเพื่อจะเข้าจับกุมและเริ่มทราบแหล่งที่พักอาศัยแล้ว ซึ่งเป็นคนนอกพื้นที่ คาดได้ตัวเร็วๆ นี้ อย่างไรก็ตาม เจ้าหน้าที่พบว่าคืนเดียวกันนี้ 2 คนร้ายได้เข้าไปพยายามลักทรัพย์ที่อู่ซ่อมรถแห่งหนึ่งด้วย ก่อนที่ย่องมาเข้าบ้านหลังนี้ โดยมีภาพวงจรปิดที่อู่ดังกล่าวจับภาพที่ลานจอดรถจักรยานยนต์ไว้ได้เช่นกัน ส่วน นายอดิศร และครอบครัว ขณะเกิดเหตุไม่อยู่บ้าน เดินทางไปต่างจังหวัด
สำหรับภาพในวงปิดจะเห็นว่า คนร้ายคนแรก รูปร่างเตี้ย ได้ปีนกำแพงรั้วบ้านเข้ามาเป็นคนแรก ในเวลาประมาณ 03.07 น. ของคืนวันที่ 1 ต.ค.68 จากนั้นลักลอบเข้าไปบริเวณหลังบ้าน ซึ่งเป็นโถงนั่งเล่น และพยายามใช้สิ่งของบางอย่างงัดประตูบ้านด้านหลังเข้าไปในบ้าน โดยหยิบเอาลำโพงบลูทูธออกไป จากนั้นก็เข้าไปหยิบเอาไม้กอล์ฟออกไปอีก มีการเดินวนเวียนในบ้าน และมีการถือขวดไวน์ที่เข้าไปหยิบจากห้องแช่ติดกับห้องครัวนอกบ้านมาถือไว้ได้ตามภาพวงจรปิด ก่อนที่จะออกจากตัวบ้านไปโดยอยู่ในบ้านเกือบ 1 ชม.เพียงลำพัง และพบว่าขณะคนร้ายคนแรกเดินออกจากบ้านมือถือลำโพงออกมานั้น ได้ถอดรองเท้าไว้หน้าประตูทางเข้า และสวมกลับเมื่อออกมา
ต่อมาในภาพวงจรปิด เวลาประมาณ 04.22 น. ปรากฏภาพ 2 โจรเตี้ย สูง วิ่งมาจากหน้าโรงเรียนบ้านนาเมืองเพชร ซึ่งอยู่ฝั่งตรงข้ามบ้าน แล้วเข้ามาปีนกำแพงบ้าน เข้ามาในบ้านอีกครั้ง โดยภาพวงจรปิดจะเห็นว่า คนร้ายตัวผอมสูงไม่สวมเสื้อนั้น ใส่รองเท้าแตะเข้าไปในบ้านด้วย เมื่อช่วยกันหามตู้เซฟออกมา คนตัวสูงไม่มีรองเท้าแล้ว โดยพบว่ามีการถอดรองเท้าแตะเปื้อนโคลนไว้บริเวณหน้าบันไดทางขึ้นชั้นสอง จากนั้น ทั้ง 2 คน ได้ช่วยกันยกตู้เซฟไปวางบนเบาะรถ จยย.ของแม่บ้าน แล้วช่วยกันเข็นรถไปปีนกำแพงรั้วออกไปใกล้ประตูทางเข้าโรงงาน (ภาพวงจรปิดออกจากบ้านในเวลาประมาณ 04.33 น.

และมีการปัดกล้องวงจรปิดให้หันไปอีกทาง ทำให้ไม่เห็นว่ามีใครมารับ หรือขนตู้เซฟออกไปได้อย่างไร โดยได้ทิ้งรถ จยย.ของแม่บ้าน ลำโพง ขวาน และมีดเดินป่า ที่ได้จากการเข้าไปรื้อค้นไว้ริมกำแพงบ้าน ให้ตำรวจเก็บเป็นหลักฐาน


กำลังโหลดความคิดเห็น