ศูนย์ข่าวหาดใหญ่ - สว.สายทหารและความมั่นคงของรัฐ "ไชยยงค์" เตือน กอ.รมน.ภาค 4 ส่วนหน้า รับมือ "บีอาร์เอ็น" ที่ "ข่าววงใน" แจ้งว่า จะมีปฏิบัติการ 4 เป้าหมายในสามจังหวัดชายแดนใต้
นายไชยยงค์ มณีรุ่งสกุล สมาชิกวุฒิสภา ในฐานะเลขานุการและโฆษกคณะกรรมาธิการการทหารและความมั่นคงของรัฐ เปิดเผยว่า ความรุนแรงในการก่อเหตุของขบวนการแบ่งแยกดินแดนในจังหวัดชายแดนภาคใต้ ที่ล่าสุด "แนวร่วม" มีการ "วางระเบิดแสวงเครื่อง" ต่อ "สถานีตำรวจทางหลวงกลาพอ" อ.เมือง จ.ปัตตานี, การวางระเบิดวางเพลิงต่อ "บริษัท โรจนาพาราวู้ด จำกัด" ที่ อ.รือเสาะ จ.นราธิวาส และการยิงสารวัตรกำนันที่ทำหน้าที่ดูแลบริษัทรับเหมาก่อสร้างใน ต.จะกั๊วะ อ.รามัน จ.ยะลา เสียชีวิตในรถแบคโฮ ซึ่งเหตุเกิดในวันเดียวกันทั้ง 3 จังหวัด
ก่อนหน้านี้ "แนวร่วม" ของ "บีอาร์เอ็น" ได้วางเพลิงวางระเบิดโรงไฟฟ้าชีวมวลและเหมืองแร่ใน จ.นราธิวาส และวางเพลิงเครื่องจักรกลของผู้รับเหมาก่อสร้างสะพานและชลประทานใน จ.ปัตตานีมาแล้ว
นายไชยยงค์กล่าวต่อไปว่า มีข่าวจาก "วงใน" ของบีอาร์เอ็นว่า ในสามเดือนต่อไปนี้ นับตั้งแต่เดือนตุลาคมเป็นต้นไป บีอาร์เอ็นกำหนด 4 แผนงานในการก่อการร้ายในพื้นที่สามจังหวัดชายแดนภาคใต้ ได้แก่ 1.ก่อเหตุกับสิ่งสาธารณูปโภคที่เป็นของรัฐ เช่น รถไฟ, ไฟฟ้า, โทรคมนาคม และอื่นๆ 2.ก่อเหตุทำลายเศรษฐกิจในพื้นที่ เช่น โรงงาน, การก่อสร้าง และกิจการใหญ่ๆ ที่เป็นของกลุ่มทุนและของไทยพุทธ
3.ก่อเหตุต่อสถานที่ราชการที่เป็นสัญลักษณ์การปกครองของรัฐไทย เช่น ที่ว่าการอำเภอ, โรงพัก และหน่วยงานอื่นๆ และ 4.เร่งงานมวลชนด้วยการทำลายความเชื่อมั่นของประชาชนต่ออำนาจรัฐและเจ้าหน้าที่รัฐ ส่วนการโจมตีเจ้าหน้าที่ตำรวจ ทหาร และกำลังอาสารักษาดินแดน เป็นงานปกติที่มีการสั่งการให้เพิ่มความถี่ในการโจมตีให้มากขึ้น
นายไชยยงค์กล่าวว่า ขอให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม, ผบ.ทบ. และ ผบ.ตร. รวมทั้งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ต้องให้ความสำคัญและต้องมีแผนในการรับมือกับการก่อการร้ายที่เกิดขึ้น และอาจจะเพิ่มความถี่และความรุนแรงในสามเดือนข้างหน้า เพราะ "วงใน" ของบีอาร์เอ็นระบุว่า บีอาร์เอ็นมีครูฝึกรุ่นใหม่ที่ฝึกจบหลักสูตรแล้ว 50 คน เข้ามาปฏิบัติการในพื้นที่เพื่อ "ทดลองงานการก่อการร้าย" ซึ่งหน่วยงานความมั่นคงต้องเร่งตรวจสอบข่าวสารและมีแผนรับมือกับสถานการณ์ที่จะเกิดขึ้น
นายไชยยงค์ยังกล่าวถึงการย้าย พล.ต. นรธิป โพยนอก ซึ่งเป็นรองแม่ทัพภาคที่ 2 มาเป็นแม่ทัพภาคที่ 4 คนใหม่ ซึ่งจะเข้ามารับตำแหน่งในวันที่ 1 ตุลาคมนี้ ที่ข่าว "วงใน" แจ้งว่าการย้าย "คนนอก" ของกองทัพภาคที่ 4 มาเป็นแม่ทัพภาคที่ 4 เพื่อ "ล้างบางอิทธิพล" ของอดีตแม่ทัพภาคที่ 4 จำนวน 3-4 คน ที่พบว่ามีการครอบงำผู้มาทำหน้าที่แม่ทัพภาคที่ 4 ที่มาจากลูกหม้อของกองทัพภาคที่ 4 นั้น เป็นเรื่องที่ดี แต่ก็มีจุดอ่อนที่ต้องแสวงหาความร่วมมือกับคนในกองทัพภาคที่ 4 และมวลชนในพื้นที่ เพื่อที่จะให้มีความสำเร็จในการดับไฟใต้