ศูนย์ข่าวภูเก็ต - เกิดแน่โครงการ Boat Taxi จังหวัดภูเก็ตทำ MOU กับกรมอุทยานฯ ร่วมผลักดันโครงการแล้ว จะทดลองวิ่งใน พ.ย.นี้ เส้นทางสนามบิน-หาดป่าตอง รองรับการท่องเที่ยวช่วงไฮซีซั่น สร้างทางเลือกการเดินทาง และลดปัญหาการจราจร
วันนี้ (12 ก.ย.68) ที่ห้องประชุมมุกอันดา ชั้น 4 ศาลากลางจังหวัดภูเก็ต ได้มีการลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือ (MOU) ระหว่างจังหวัดภูเก็ต กับ กรมอุทยานแห่งชาติสัตว์ป่าและพันธุ์พืช เพื่อร่วมกันขับเคลื่อนโครงการ Boat Taxi ของจังหวัดภูเก็ต โดยมี นายโสภณ สุวรรณรัตน์ ผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต นายอรรถพล เจริญชันษา อธิบดีกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช นายเทอดไทย ขวัญทอง ผู้อำนวยการสำนักบริหารพื้นที่อนุรักษ์ที่ 5 กรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช นายณชพงศ ประนิตย์ ผู้อำนวยการสำนักงานเจ้าท่าภูมิภาคสาขาภูเก็ต ร่วมลงนาม โดยมีหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เข้าร่วม
เพื่อร่วมกันดำเนินโครงการเชื่อมโยงโครงข่ายการคมนาคมและการขนส่งทางน้ำเพื่อแก้ไขปัญหาการจราจร (Boat Taxi) ที่มุ่งมั่นสนับสนุนการเชื่อมต่อการเดินทางและแก้ไขปัญหาการจราจรในจังหวัดภูเก็ตอย่างยั่งยืน โดยมีเป้าหมายเพื่อยกระดับการคมนาคมขนส่งทางน้ำให้ทัดเทียมกับเมืองท่องเที่ยวในระดับ Premium Destination ควบคู่การบริหารจัดการท่องเที่ยวอุทยานแห่งชาติอย่างยั่งยืนไปพร้อมกับการดูแลความปลอดภัยในระดับสูงสุดของจังหวัดภูเก็ต
โครงการร Boat Taxi มีเป้าหมายเพื่อเชื่อมโยงเส้นทางเดินเรือรอบเกาะภูเก็ต โดยเฉพาะเส้นทางนำร่องจากอุทยานแห่งชาติสิรินาถ หาดในยาง ใกล้สนามบินนานาชาติภูเก็ต ไปยังหาดป่าตอง ระยะทาง 16.7 ไมล์ทะเล ใช้เวลาเดินทางเพียง 40 นาที จากเดิมที่การเดินทางทางบกอาจใช้เวลา 1.30 – 3 ชั่วโมง ในช่วงเวลาเร่งด่วน โดยการพัฒนาพื้นที่ท่าเรือเบื้องต้นได้กำหนดไว้ 14 จุดครอบคลุมพื้นที่ท่องเที่ยวสำคัญ อาทิ หาดในยาง ในทอน บางเทา กมลา ป่าตอง กะรน กะตะ และในหาน เน้นให้บริการที่สะดวก ปลอดภัย และเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม พร้อมมาตรการติดตามความปลอดภัย เช่น การตรวจสอบเส้นทางเดินเรือผ่านระบบ AIS, GPS และวิทยุสื่อสาร VHF
ทั้งนี้ โครงการยังคงให้ความสำคัญกับการประเมินผลกระทบด้านระบบนิเวศ โดยเฉพาะพื้นที่วางไข่ของเต่าทะเล รวมถึงการจัดวางทุ่นผูกจอดเรือและท่าเทียบเรืออย่างถูกต้องตามกฎหมาย ซึ่งอุทยานแห่งชาติสิรินาถได้ดำเนินการยื่นขออนุญาตแล้ว และสำนักงานเจ้าท่าภูมิภาคสาขาภูเก็ตจะนำเรื่องเข้าสู่การพิจารณาของคณะกรรมการพิจารณาสิ่งล่วงล้ำลำน้ำจังหวัดภูเก็ตในวันที่ 16 กันยายน 2568 ผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ตเป็นประธาน
อย่างไรก็ตาม เส้นทางการเดินเรือทางฝั่งตะวันตกจะเปิดให้บริการเฉพาะในช่วงฤดูท่องเที่ยว (High Season) ระหว่างเดือนพฤศจิกายนถึงเมษายน เนื่องจากสภาพอากาศในช่วงมรสุมตะวันตกเฉียงใต้ไม่เอื้ออำนวยต่อการเดินเรือ โครงการ Boat Taxi จึงถือเป็นก้าวสำคัญในการพัฒนาระบบขนส่งสาธารณะของจังหวัดภูเก็ตให้ก้าวสู่มาตรฐานสากล ลดความแออัดบนท้องถนน สร้างความสะดวกสบายแก่ผู้โดยสาร และเป็นอีกหนึ่งกลไกสำคัญในการผลักดันภูเก็ตสู่การเป็นเมืองท่องเที่ยวระดับโลกอย่างยั่งยืน
นายโสภณ สุวรรณรัตน์ ผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต กล่าวว่า การลงนามความร่วมมือระหว่างจังหวัดภูเก็ต กับ กรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช ในวันนี้ ถือเป็นจุดเริ่มต้นของความร่วมมือ ในการศึกษาออกแบบ รายละเอียดต่างๆของโครงการ เพื่อเติมเต็มการเดินทางในช่วงไฮซีซั่นของจังหวัดภูเก็ต ตั้งแต่เดือนพฤศจิกายนไปจนถึงเดือนเมษายน ของทุกปี และเป็นการตอบโจทย์สร้างทางเลือกให้กับนักท่องเที่ยว รวมไปถึงร่วมกันแก้ปัญหาการจราจรติดขัดอีกด้วย
ด้าน นายอรรถพล เจริญชันษา อธิบดีกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช กล่าวว่า โครงการ Boat Taxi ของจังหวัดภูเก็ตนั้น เท่าที่ทราบเป็นเรื่องที่คิดและออกแบบวางแผนกันมานานแล้ว ซึ่งทางกรมอุทยานฯ เชื่อว่ามีความเป็นไปได้ จึงได้นำมาสู่การลงนามร่วมกันในวันนี้ เพื่อร่วมกันพัฒนาภายใต้หลักการหลีกเลี่ยงผลกระทบที่จะเกิดขึ้นกับสิ่งแวดล้อม ซึ่งมีความเป็นไปได้เพราะใช้เป็นท่าเรือลอยน้ำ เป็นท่าเรือที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมและโครงการนี้นอกจากจะลดปริมาณการจราจรบนถนนของจังหวัดภูเก็ต รถมลภาวะแก้ปัญหาการจราจรแล้ว ยังเป็นการส่งเสริมการท่องเที่ยวอีกด้วย เนื่องจากช่วงของการเดินทางตั้งแต่สนามบินไปยังหาดป่าตองนั้น ขณะนั่งเรือนักท่องเที่ยวจะได้ชมวิวทิวทัศน์ที่สวยงามของจังหวัดภูเก็ตอีกด้วย กรมอุทยานแห่งชาติฯ พร้อมที่จะให้การสนับสนุนอย่างเต็มที่
ขณะที่ นายณชพงศ ประนิตย์ เจ้าท่าภูมิภาคที่ 5 จังหวัดภูเก็ต กล่าวว่า โครงการดังกล่าวจะทดลองวิ่งในช่วงไฮซีซั่นปีนี้ ตั้งแต่เดือนพฤศจิกายนเป็นต้นไป ในเส้นทางสนามบินภูเก็ตถึงหาดป่าตอง ระยะทางประมาณ 16 ไมทล์ทะเล หรือประมาณ 13 กิโลเมตร ใช้เวลาเดินทางประมาณ 40 - 45 นาที โดยเรือที่จะนำมาวิ่งนั้นเป็นเรือหลายรูปแบบด้วยกัน ไม่ว่าจะเป็นเรือสองท้อง หรือเรือคาตมาราน ที่สามารถรองรับผู้โดยสารได้ตั้งแต่ 50 - 200 คน ซึ่งขณะนี้มีอยู่แล้วจำนวน 4 ลำ กำลังติดต่อประสานงานที่จะนำเรือพลังงานไฟฟ้า หรือ EV Boat เรือสปีดโบ๊ท แม้กระทั่งเรือหัวโทงของชาวบ้านในพื้นที่ ซึ่งเรือที่จะนำมาวิ่งนั้นจะต้องเป็นเรือที่มีความปลอดภัยสูง มีการใช้ระบบติดตาม ทั้งระบบ AIS ระบบ GPS การแจ้งเรือเข้า เรือออก ตามมาตรฐานทั่วไป เพื่อให้เกิดความปลอดภัยมากที่สุด
ส่วนท่าเรือทั้ง 14 ท่า ที่อยู่ในแผนรองรับโครงการ Boat Taxi นั้นก่อนหน้านี้ทางจังหวัดภูเก็ตรวมไปถึงหน่วยงานที่เกี่ยวข้องและองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นได้มีการประชุมหารือร่วมกัน และได้ข้อสรุปตามที่ท้องถิ่นเสนอมาจะมีท่าเรือตามจุดต่างๆ ตั้งแต่สนามบินไปจนถึงหาดในหาน ทั้งหมด 14 ท่า ซึ่งจะเป็นท่าเรือลอยน้ำ ที่ไม่ส่งผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม ที่จะดำเนินการโดยองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นในพื้นที่นั้นๆ