xs
xsm
sm
md
lg

เกษตรกรสตูลสร้างสรรค์แปรรูป “ทองม้วนขมิ้น” สร้างรายได้หลายเท่าตัว

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



สตูล – เกษตรกรชาวสตูลความคิดสร้างสรรค์นำขมิ้นสดแปรรูปเป็น “ทองม้วนขมิ้น” ขนมพื้นบ้านรสชาติแปลกใหม่ กลิ่นหอมเฉพาะตัวและมีคุณค่าทางสมุนไพร ขายเพียงถุงละ 25 บาท แต่กลับเพิ่มมูลค่าและรายได้ให้ผู้ผลิตหลายเท่าตัว

วันนี้ (10 ก.ย.) ขมิ้นชัน สมุนไพรคู่ครัวไทยที่คนรู้จักกันดีในเรื่องสรรพคุณทางยาและการปรุงอาหาร วันนี้กำลังถูกต่อยอดสร้างอาชีพใหม่แก่เกษตรกรในพื้นที่ โดยเฉพาะการแปรรูปเป็น “ทองม้วนขมิ้น” ขนมพื้นบ้านรสชาติแปลกใหม่ กลิ่นหอมเฉพาะตัว ที่ขายเพียงถุงละ 25 บาท แต่กลับเพิ่มมูลค่าและรายได้ให้ผู้ผลิตหลายเท่าตัว

นางสาวนอดไวนี สกุลา อายุ 52 ปี เกษตรกรบ้านย่านซื่อ อ.ควนโดน จ.สตูล ผู้คิดค้นทองม้วนขมิ้น เปิดเผยว่า เดิมครอบครัวปลูกขมิ้นเพียงเพื่อขายผลสดให้โรงพยาบาลและมหาวิทยาลัย แต่ต่อมาได้ทดลองนำมาผสมแป้งสูตรทองม้วนจนได้รสชาติที่ลงตัว จึงกลายเป็น “ทองม้วนขมิ้น” สินค้าใหม่ที่ได้รับความนิยมอย่างรวดเร็ว ลูกค้าชื่นชอบทั้งกลิ่นที่หอมและมีคุณค่าทางสมุนไพร ซึ่งการขายทองม้วนขมิ้น 1 ถุง สร้างกำไรได้มากกว่าการขายผลสดหลายเท่า

นอกจากการทำขนม ยังมีการนำขมิ้นไปต่อยอดในเมนูอื่น ๆ เช่น ไก่ชุบแป้งทอดขมิ้น น้ำยาสมุนไพร รวมถึงการใช้สีจากขมิ้นนำมาย้อมผ้า ทำกระเป๋า หมวก และผ้าพันคอ ภายใต้แบรนด์ “อีโคปินส์” ซึ่งช่วยเปิดตลาดใหม่ในเชิงเศรษฐกิจสร้างสรรค์


ด้าน นายครองศักดิ์ สงรักษา รองอธิบดีกรมส่งเสริมการเกษตร เปิดเผยว่า รัฐบาลได้ร่วมมือกับโครงการความร่วมมือไทย–เยอรมัน ผลักดันการปลูกขมิ้นชันคุณภาพในกระสอบพลาสติกมาตั้งแต่ปี 2561 จากเพียง 13 ครัวเรือน ปัจจุบันเพิ่มเป็นกว่า 160 ครัวเรือน ครอบคลุม 5 อำเภอของจังหวัดสตูล รวมกว่า 13,500 กระสอบ และขยายผลไปยังจังหวัดใกล้เคียง โดยโรงพยาบาลสงขลานครินทร์และตลาดต่างประเทศถือเป็นผู้รับซื้อหลัก

“ขมิ้นสดกิโลกรัมละ 25 บาท เมื่อแปรรูปเป็นขมิ้นแห้ง ราคาจะเพิ่มเป็น 230–250 บาท หรือคิดเป็นรายได้มากขึ้นเกือบ 10 เท่า นี่คือโอกาสสำคัญในการสร้างมูลค่าเพิ่ม” รองอธิบดีกรมส่งเสริมการเกษตรกล่าว พร้อมย้ำว่าเป้าหมายต่อไปคือการผลักดันให้สตูลเป็นเมืองสมุนไพรของประเทศ

ปัจจุบันตลาดสมุนไพรเติบโตอย่างต่อเนื่อง ทั้งในประเทศและต่างประเทศ ขมิ้นจึงไม่ได้เป็นเพียงวัตถุดิบในครัวหรือยาแผนโบราณเท่านั้น แต่ยังกลายเป็นพืชเศรษฐกิจที่ตอบโจทย์อุตสาหกรรมอาหาร สุขภาพ และแฟชั่นในอนาคตอย่างแท้จริง










กำลังโหลดความคิดเห็น