xs
xsm
sm
md
lg

ประเทศไทยเป็นเจ้าภาพจัดการประชุมระดับรัฐมนตรี IMT-GT ครั้งที่ 31

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



ตรัง – ประเทศไทยเป็นเจ้าภาพจัดการประชุมระดับรัฐมนตรี ครั้งที่ 31 แผนงานการพัฒนาเขตเศรษฐกิจสามฝ่าย อินโดนีเซีย-มาเลเซีย-ไทย ณ จ.ตรัง เร่งขับเคลื่อนความร่วมมือสู่การพัฒนาที่ยั่งยืนและครอบคลุมในอนุภูมิภาค

วันนี้ (4 ก.ย.) ประเทศไทยเป็นเจ้าภาพจัดการประชุมระดับรัฐมนตรี ครั้งที่ 31 แผนงานการพัฒนาเขตเศรษฐกิจสามฝ่าย อินโดนีเซีย-มาเลเซีย-ไทย (The 31st IMT-GT Ministerial Meeting) ณ จังหวัดตรัง ประเทศไทย โดยมี นายดนุชา พิชยนันท์ เลขาธิการสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ปฏิบัติหน้าที่รัฐมนตรีประจำแผนงาน IMT-GT ฝ่ายไทย เป็นประธานการประชุม พร้อมด้วย นายทรงกลด สว่างวงศ์ ผู้ว่าราชการจังหวัดตรัง ดาโต๊ะ ฮัจญะ ฮานิฟะห์ ฮาจาร์ ทาอิบ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเศรษฐกิจ มาเลเซีย นายระห์หมัด บูดีมัน เอกอัครราชทูตสาธารณรัฐอินโดนีเซียประจำประเทศไทย นายนารายา ซอปราโต รองเลขาธิการอาเซียน และนายวินฟรีด วิคไคลน์ ผู้อานวยการใหญ่ประจาภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ธนาคารพัฒนาเอเชีย รวมถึงเจ้าหน้าที่อาวุโสของประเทศสมาชิก แผนงาน IMT-GT และผู้เข้าร่วมประชุมจากหน่วยงานรัฐ เอกชน และสถาบันการศึกษาจากทั้งสามประเทศรวมกว่า 300 คน

ในโอกาสนี้ ที่ประชุมฯ ได้ติดตามความคืบหน้าและเร่งรัดการดำเนินงานของโครงการภายใต้แผนงาน IMT-GT โดยรับทราบความคืบหน้าของการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน เพื่อส่งเสริมความเชื่อมโยงและเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันของอนุภูมิภาค รวมถึงการขับเคลื่อนการดำเนินงานภายใต้กรอบมุขมนตรี และผู้ว่าราชการจังหวัด (CMGF) ซึ่งเป็นโครงการในระดับท้องถิ่นที่สะท้อนความต้องการและศักยภาพของพื้นที่ อาทิ การยกระดับเส้นทางคมนาคม การพัฒนาท่าเรือ และการปรับปรุงด่านศุลกากร เพื่ออำนวยความสะดวกด้านการค้า การลงทุน และการเดินทางข้ามพรมแดน พร้อมทั้งยินดีกับความสำเร็จของโครงการแคมเปญ ปีแห่งการท่องเที่ยว IMT-GT ปี 2566-2568 ซึ่งมีส่วนสำคัญต่อการฟื้นฟูอุตสาหกรรมการท่องเที่ยว จนสามารถฟื้นตัวได้เหนือกว่าระดับก่อนการแพร่ระบาดของโควิด-19 อีกทั้งยังเป็นแรงขับเคลื่อนเศรษฐกิจฐานรากในพื้นที่ภายใต้แผนงาน IMT-GT และเมืองท่องเที่ยวสำคัญของทั้งสามประเทศ


ทั้งนี้ เนื่องจากแผนการดำเนินงานระยะ 5 ปี พ.ศ.2565-2569 กำลังเข้าสู่ปีสุดท้าย ประเด็นที่ได้มีการหารือและแลกเปลี่ยนในที่ประชุมฯ ได้สะท้อนให้เห็นถึงแนวทางความร่วมมือในอนาคต ตลอดจนประเด็นเชิงยุทธศาสตร์ที่มีความสำคัญ และสอดคล้องกับแนวโน้มการเปลี่ยนแปลงของโลก ซึ่งควรได้รับการพิจารณาบรรจุไว้ในการจัดทำแผนการดำเนินงานระยะ 5 ปี ฉบับใหม่ พ.ศ.2570-2574 อันประกอบด้วย (1) การเสริมสร้างความเชื่อมโยงโครงสร้างพื้นฐานข้ามพรมแดน เพื่อยกระดับการขนส่งและโลจิสติกส์ ให้มีประสิทธิภาพและสอดคล้องกับมาตรฐานสากล (2) การพัฒนาเมืองและการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืน โดยให้ความสำคัญต่อการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม และการมีส่วนร่วมของชุมชนท้องถิ่น

(3) การเกษตรที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม และการเพิ่มมูลค่าสินค้าเกษตรผ่านนวัตกรรม เทคโนโลยี และมาตรฐานความปลอดภัยทางอาหาร (4) การเสริมสร้างขีดความสามารถด้านดิจิทัล และการนำเทคโนโลยีดิจิทัลมาใช้เพื่อการพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมในอนุภูมิภาค และ (5) การพัฒนาทักษะแรงงานเพื่อเตรียมความพร้อมรองรับการเปลี่ยนแปลงของตลาดแรงงาน และความท้าทายจากกระแสโลกใหม่ ซึ่งในการนี้ ฝ่ายที่ประชุมฯ ได้เน้นย้ำความมุ่งมั่นในการร่วมมือกับประเทศสมาชิกและหุ้นส่วนเพื่อการพัฒนา เพื่อให้แผนงานฉบับใหม่สะท้อนวิสัยทัศน์ร่วมของอนุภูมิภาค ตอบสนองต่อความท้าทายทั้งด้านเศรษฐกิจ สังคม และสิ่งแวดล้อม ตลอดจนสามารถสร้างผลลัพธ์ที่เป็นรูปธรรมและเป็นประโยชน์ต่อประชาชนในทุกระดับอย่างแท้จริง


นอกจากนี้ ที่ประชุมฯ ยังได้ให้หารือถึงโอกาสในการพัฒนาความร่วมมือด้านพลังงานในอนุภูมิภาค เพื่อเสริมสร้างความมั่นคงทางพลังงาน และสนับสนุนการเปลี่ยนผ่านสู่พลังงานสะอาด โดยเน้นการพัฒนาพลังงานทดแทน การเสริมสร้างโครงข่ายไฟฟ้าอัจฉริยะ (Smart Grid) ตลอดจนความร่วมมือในการพัฒนาโครงข่ายไฟฟ้าเชื่อมโยงระหว่างประเทศ (Cross-border Power Connectivity) เพื่อรองรับความต้องการพลังงานที่เพิ่มขึ้นและสนับสนุนการเติบโตทางเศรษฐกิจอย่างยั่งยืน ทั้งนี้ ธนาคารพัฒนาเอเชีย และสำนักเลขาธิการอาเซียน ในฐานะหุ้นส่วนเพื่อการพัฒนาหลักของแผนงาน IMT-GT ได้แสดงเจตนารมณ์ที่จะสนับสนุนด้านวิชาการและการเงิน ในการขับเคลื่อนพลังงานสะอาดและการพัฒนาที่ยั่งยืนของอนุภูมิภาค

ขณะเดียวกันการประชุมในครั้งนี้ ยังได้ให้การรับรองแถลงการณ์ร่วมการประชุมระดับรัฐมนตรี ครั้งที่ 31 แผนงาน IMT-GT (The 31st Joint Ministerial Statement) ซึ่งยืนยันความมุ่งมั่นในการสร้างอนุภูมิภาคแห่งบูรณาการ การพัฒนาที่ขับเคลื่อนด้วยนวัตกรรม ความเหลื่อมล้าน้อย และเติบโตอย่างยั่งยืน ตามวิสัยทัศน์ IMT-GT ปี 2579 โดยเน้นการพัฒนาภาคเกษตรกรรมที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม การพัฒนาขีดความสามารถของอุตสาหกรรมฮาลาล และการส่งเสริมการบูรณาการความเชื่อมโยงด้านการขนส่ง รวมทั้งสนับสนุนการเสริมสร้างความยืดหยุ่นต่อการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ การขับเคลื่อนการเติบโตด้วยนวัตกรรมดิจิทัล และการพัฒนาทักษะแรงงานเพื่อรองรับการเปลี่ยนแปลงและรับมือกับความท้าทายระดับโลกอย่างมีประสิทธิภาพ


กำลังโหลดความคิดเห็น