xs
xsm
sm
md
lg

ผู้ประกอบการโรงแรมยะลาวอนรัฐพิจารณาค่าแรงตามบริบทในพื้นที่ หวั่นกระทบจนต้องปิดกิจการ

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



ยะลา - ผู้ประกอบการโรงแรมที่ยะลาวอนรัฐบาลพิจารณาค่าแรงตามบริบทในพื้นที่ หลังมีประกาศนโยบายปรับขึ้นค่าแรงขั้นต่ำ หวั่นเป็นการซ้ำเติมธุรกิจที่ซบเซาอยู่แล้วจนอาจนำไปสู่การปิดกิจการ

วันนี้ (21 ส.ค.) หลังจากมีการประกาศนโยบายปรับขึ้นค่าแรงขั้นต่ำของรัฐบาล สร้างความกังวลให้กับผู้ประกอบการหลายภาคส่วน โดยเฉพาะอย่างยิ่งธุรกิจโรงแรมในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ ซึ่งเผชิญความท้าทายทางเศรษฐกิจมาอย่างต่อเนื่อง เจ้าของโรงแรมรายหนึ่งในจังหวัดยะลาได้แสดงความคิดเห็นอย่างตรงไปตรงมาถึงผลกระทบที่อาจเกิดขึ้น โดยเน้นย้ำถึงความจำเป็นในการพิจารณาบริบทของแต่ละพื้นที่อย่างรอบคอบ

ผู้ประกอบการโรงแรมรายนี้ระบุว่า หากมีการปรับขึ้นค่าแรงในสถานการณ์ปัจจุบันของจังหวัดยะลา จะส่งผลกระทบโดยตรงและรุนแรงต่อธุรกิจ เนื่องจากรายรับกับรายจ่ายในปัจจุบันก็ตึงตัวอยู่แล้ว การเพิ่มภาระค่าแรงจะยิ่งทำให้การดำเนินธุรกิจเป็นไปได้ยากขึ้น และอาจส่งผลให้การพัฒนาธุรกิจเป็นไปอย่างเชื่องช้า เพราะไม่มีเงินทุนหมุนเวียนเพียงพอ

สิ่งสำคัญคือ ยะลาไม่ได้เป็นเมืองท่องเที่ยวหลักเหมือนจังหวัดอื่นๆ การท่องเที่ยวในพื้นที่แทบไม่ได้รับการกระตุ้น และกิจกรรมส่งเสริมการท่องเที่ยวก็มีน้อยมาก สิ่งที่เกิดขึ้นบ่อยครั้งคือ ทุกช่วงวันหยุดยาว ผู้คนในพื้นที่กลับเดินทางออกไปท่องเที่ยวภายนอก เช่น สงขลา หาดใหญ่ หรือพัทลุง ทำให้จังหวัดยะลาเงียบเหงาและไม่มีเม็ดเงินหมุนเวียนในพื้นที่ ทุกครั้งที่หยุดยาวคนในพื้นที่ก็จะออกไปเที่ยวที่อื่นมากกว่า ทำให้เมืองเราดูเงียบเหงา พอเงียบเหงามันก็ไม่มีคนเข้ามาในพื้นที่ ประกอบกับไม่มีกิจกรรมอะไรจัดอยู่ตลอดด้วย มันก็เลยยิ่งซบเซา” เจ้าของโรงแรมกล่าว


สถานการณ์นี้แตกต่างจากอำเภอเบตง ซึ่งเป็นเพียงส่วนเดียวของจังหวัดยะลาที่มีการท่องเที่ยวเกิดขึ้น แต่เมื่อพิจารณาภาพรวมทั้งจังหวัด รวมถึงอำเภอเมืองของปัตตานีและนราธิวาส ก็พบว่ามีความซบเซาไม่ต่างกัน หากต้องแบกรับภาระค่าแรงที่เพิ่มขึ้น ยิ่งจะทำให้ผู้ประกอบการต้องเผชิญกับความเหนื่อยล้ามากขึ้นกว่าเดิม จนอาจนำไปสู่การต้องปิดกิจการลง

เจ้าของโรงแรมได้ฝากข้อความถึงรัฐบาลและผู้เกี่ยวข้องว่า การออกนโยบายไม่ควรมองในภาพรวมทั้งประเทศเพียงอย่างเดียว ควรมีการแบ่งแยกและพิจารณาบริบทของแต่ละพื้นที่ เหมือนกับการกำหนดค่าแรงที่แตกต่างกันไปในแต่ละจังหวัด 3 จังหวัดชายแดนของเราเป็นจังหวัดที่พิเศษอยู่แล้ว ไม่ได้เด่นเรื่องการท่องเที่ยว แต่ถ้าเอาปัจจัยเรื่องท่องเที่ยวมาเป็นตัวตัดสินในเรื่องของค่าแรง ผมว่ามันก็ดูไม่แฟร์กับผู้ประกอบการที่อยู่ในพื้นที่

ท้ายสุดหวังว่าภาครัฐควรวิเคราะห์ข้อมูลเชิงลึกในแต่ละจังหวัดและแต่ละพื้นที่ และภาคเอกชนควรมีส่วนสำคัญในการเป็นกระบอกเสียง เพื่อให้ข้อมูลว่าธุรกิจสามารถแบกรับภาระได้หรือไม่ หากเศรษฐกิจดีจริง ผู้ประกอบการเชื่อว่าทุกคนยินดีที่จะปรับขึ้นค่าแรง แต่หากเป็นเพียงนโยบายที่มุ่งหวังคะแนนเสียงทางการเมืองโดยไม่พิจารณาถึงผลกระทบที่แท้จริง จะส่งผลเสียต่อภาคธุรกิจอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้

ขณะที่ นายสุทน อินทราวุธ อายุ 51 ปี ผู้จัดการโรงแรมปาร์ควิว จังหวัดยะลา กล่าวว่า หากมองกันตามความจริง ในฐานะลูกจ้างเราก็เข้าใจและเห็นใจผู้ประกอบการ เพราะเมืองยะลาไม่ใช่เมืองท่องเที่ยวแต่เป็นเมืองเศรษฐกิจทั่วไป ซึ่งกำลังเผชิญกับภาวะเศรษฐกิจที่ยังไม่ฟื้นตัว หากนายจ้างอยู่ไม่ได้ ลูกจ้างอย่างเราก็อยู่ไม่ได้เช่นกัน ปัจจุบันโรงแรมได้จ่ายค่าแรงตามอัตราขั้นต่ำที่ 337 บาทต่อวัน หากจะมีการปรับขึ้นเป็น 400 บาท ส่วนต่างตรงนี้ก็ถือเป็นภาระค่าใช้จ่ายที่เพิ่มขึ้น ดังนั้น หากจะให้ปรับขึ้นจริง ๆ อยากให้ภาครัฐมีมาตรการช่วยเหลือ หรือสนับสนุนบางส่วน มาช่วยบรรเทาภาระของผู้ประกอบการ เพื่อให้สามารถเดินหน้าธุรกิจต่อไปได้ และดูแลพนักงานได้อย่างยั่งยืน


กำลังโหลดความคิดเห็น