xs
xsm
sm
md
lg

(ชมคลิป) ใครรับผิดชอบ? ศูนย์ท่องเที่ยว 51 ล้านบาทกลายเป็น “อนุสาวรีย์แห่งความล่าช้า” สร้างเสร็จ 2 ปียังปิดตาย

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์





โครงการ “ศูนย์บริการนักท่องเที่ยวและจำหน่ายสินค้าชุมชน” มูลค่ากว่า 51 ล้านบาท บนที่ดินสาธารณประโยชน์กว่า 11 ไร่ ในตำบลตันหยงโป อำเภอเมือง จังหวัดสตูล กลายเป็นคำถามใหญ่ของสังคม หลังก่อสร้างแล้วเสร็จมานานกว่า 2 ปี แต่ยังคงถูกปิดเงียบ ไม่สามารถเปิดให้บริการเพื่อสร้างประโยชน์ให้แก่ชุมชนได้ตามวัตถุประสงค์

โครงการขนาดใหญ่นี้ริเริ่มขึ้นโดยใช้งบประมาณจากกรมโยธาธิการและผังเมืองจำนวน 51,940,809 บาท ประกอบด้วยอาคารรองรับนักท่องเที่ยว หอชมวิว ห้องน้ำ ลานจอดรถ และสิ่งอำนวยความสะดวกครบวงจร

เริ่มทำสัญญาก่อสร้างเมื่อวันที่ 18 กันยายน 2562 และแม้จะมีการแก้ไขสัญญาถึง 3 ครั้ง แต่ในที่สุดโครงการก็ได้ก่อสร้างแล้วเสร็จและผ่านการตรวจรับงานไปเมื่อวันที่ 16 กันยายน 2566 ทว่าจนถึงปัจจุบัน สถานที่แห่งนี้กลับไร้วี่แววการใช้งาน มีเพียงร่องรอยการดูแลรักษาเบื้องต้นจากเจ้าหน้าที่เท่านั้น

เสียงสะท้อนจากคนในพื้นที่เต็มไปด้วยความกังวลและเสียดาย นายนฤนนท์ ฮะยีบิลัง กำนันตำบลตันหยงโป บอกว่า ชาวบ้านต่างเฝ้าถามซ้ำแล้วซ้ำเล่าถึงสาเหตุที่โครงการยังไม่สามารถเปิดใช้งานได้ ทั้งที่ทุกอย่างสร้างเสร็จสมบูรณ์แล้ว

หากศูนย์ฯ แห่งนี้เปิดทำการ จะเป็นกลไกสำคัญในการดึงดูดนักท่องเที่ยว สร้างรายได้ และเป็นพื้นที่จัดกิจกรรมให้แก่ชุมชน แต่สิ่งที่เกิดขึ้นจริงคืออาคารที่กำลังเสื่อมสภาพลงไปตามกาลเวลา และโอกาสทางเศรษฐกิจที่หลุดลอยไปอย่างน่าเสียดาย

ด้านหน่วยงานที่รับผิดชอบ นายประเสริฐ เลิศเดชานนท์ โยธาธิการและผังเมืองจังหวัดสตูล ชี้แจงว่า โครงการนี้เกิดขึ้นจากการยื่นขอขององค์การบริหารส่วนตำบลตันหยงโป และขณะนี้ยังอยู่ในขั้นตอนทางกฎหมายเพื่อขออนุญาตใช้พื้นที่ ซึ่งต้องรอความเห็นจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทั้งหมด 14 หน่วยงาน ขณะนี้เหลือเพียง 2 หน่วยงานสุดท้าย คือ สำนักศิลปากรที่ 11 และอำเภอเมืองสตูล ก่อนจะเสนอเรื่องให้ผู้ว่าราชการจังหวัดสตูลพิจารณาเห็นชอบ และส่งมอบให้องค์การบริหารส่วนตำบลตันหยงโปเปิดใช้งานต่อไปได้

นายประเสริฐ ยืนยันว่า พื้นที่ไม่ได้ถูกทอดทิ้ง มีการดูแลทรัพย์สินอย่างดี ติดตั้งกล้องวงจรปิด และพร้อมเปิดใช้งานทันทีที่ขั้นตอนทั้งหมดเสร็จสิ้น ซึ่งคาดว่าจะเป็นภายในปีนี้

อย่างไรก็ตาม แม้จะมีคำชี้แจงจากฝั่งราชการ แต่คำถามสำคัญที่ยังคงค้างคาใจชาวบ้านและสังคมคือ เหตุใดกระบวนการขอความเห็นและถ่ายโอนสิทธิ์ในที่ดินจึงใช้เวลายาวนานเกินกว่า 24 เดือน ทั้งที่โครงการก่อสร้างได้เสร็จสมบูรณ์แล้ว

ความล่าช้านี้ไม่เพียงแต่ทำให้งบประมาณกว่า 51 ล้านบาทที่ลงไปยังไม่เกิดประโยชน์อย่างเป็นรูปธรรม แต่ยังหมายถึงต้นทุนค่าเสียโอกาสทางเศรษฐกิจของชุมชนที่ประเมินค่าไม่ได้

และท้ายที่สุด ใครจะเป็นผู้รับผิดชอบต่อเวลาที่สูญเสียไป หรือโครงการนี้จะกลายเป็นเพียง “อนุสาวรีย์แห่งความล่าช้า” ของระบบราชการตามที่หลายฝ่ายกังวล


กำลังโหลดความคิดเห็น