โดย.. อาทิตย์ อโณทัย
จังหวัดสงขลา วันนี้มีเรื่องที่มีผู้ให้ความสนใจอยู่ 2 เรื่องด้วยกัน เรื่องแรกคือเรื่องการรื้อถอนโพงพาง ซึ่งเป็นเครื่องมือการทำประมงที่ผิดกฎหมาย และรุกล้ำร่องน้ำเดินเรือในทะเลสาบสงขลาได้สำเร็จ ในสมัยที่ “โชตินรินทร์ เกิดสม” เป็นผู้ว่าราชการจังหวัด ซึ่งได้รับการชื่นชมจากประชาชนใน จ.สงขลา เพราะเรื่องของโพงพาง เป็นปัญหาที่คาราคาซัง มานานนับสิบปี เป็นเรื่องการใช้กฎหมู่อยู่เหนือกฎหมาย ที่ผู้ว่าราชการจังหวัดแต่ละคนเข็ดขยาด ไม่กล้าดำเนินการรื้อถอน เพราะไม่ต้องการปะทะกับ “กลุ่มประมงหัวเขาแดง” ที่เป็นเจ้าของโพงพางดังกล่าว
อีกเรื่อง ที่มีผู้คนให้ความสนใจ คือเรื่องที่ฝ่ายบริหารองค์กรบริหารส่วนจังหวัดสงขลา (อบจ.สงขลา) ขออนุมัติความเห็นชอบจากฝ่ายนิติบัญญัติ เพื่อกู้เงินจำนวน 2,000 ล้านบาทเศษ เพื่อใช้ในการทำโครงการซ่อมแซมถนน ที่ชำรุดทรุดโทรม ในความรับผิดชอบของ อบจ.สงขลาจำนวน 209 สาย เพื่อให้เกิดความสะดวก ปลอดภัยในการสัญจร ที่ส่งผลไปถึงเรื่องการท่องเที่ยวและเศรษฐกิจในพื้นที่
เงินกู้ 2,000 ล้านบาทเศษ ฝ่ายบริหารให้ข้อมูลว่าจะกู้จาก กสอ. 1,002 ล้านบาท และกู้จากสถาบันการเงิน 1,007 ล้านบาท ในอัตราดอกเบี้ย 1.10% ต่อปี โดยทั้งสองวงเงินฝ่ายบริหารเชื่อว่าผ่อนชำระได้โดยไม่กระทบกับการคลัง และจะปฏิบัติตามวินัยการเงิน การคลังของรัฐ พ.ศ. 2561 มาตรา 7 และ มาตรา 49 โดยภาระหนี้ไม่กระทบต่อรายได้ประจำ ของ อบจ.
หลังจากที่หลักการของการกู้เงินจำนวน 2,000 ล้านบาทเศษได้ผ่านความเห็นชอบจาก ฝ่ายนิติบัญญัติไปแล้ว สิ่งที่ติดตามมาคือมีการวิพากษ์วิจารณ์จากบุคคลนอกสภาฯ ที่เป็น ภาคประชาชนกลุ่มหนึ่ง ซึ่งแสดงความไม่เห็นด้วย เพราะไม่ต้องการเห็นการสร้างภาระหนี้ผูกพัน ที่ถูกมองว่าเป็นหนี้ก้อนใหญ่แก่ชาวสงขลา มีการถามถึงความจำเป็นของการใช้เงินกู้ก้อนนี้ เพื่อซ่อมแซมถนนว่าเป็นเรื่องเร่งด่วนและสำคัญอย่างไร นั้นเป็นเหตุผลที่ผู้บริหาร อบจ.สงขลาต้องรับฟังและตอบข้อชี้แจง เพราะเสียงไม่เห็นด้วยของประชาชน ไม่ว่าจะเป็นกี่เสียงก็มีความสำคัญเช่นกัน
ทั้งนี้ ฝ่ายบริหาร อบจ.สงขลาได้ตอบในประเด็นนี้ว่า อบจ.สงขลามีถนนที่อยู่ในความรับผิดชอบ 209 สาย แม้จะใช้งบประมาณปีละ 200-300 ล้านบาท ก็ไม่ซ่อมสร้างให้ถนนทุกสายอยู่ในสภาพที่ดีไม่ได้ การที่จะทำให้ถนนที่ชำรุดและเป็นอันตรายต่อการสัญจร ทั้ง 16 อำเภอ ที่อยู่ในความรับผิดชอบของ อบจ.สงขลา จึงต้องกล้าคิดใหญ่และกล้าตัดสินใจ ที่จะให้มีความเปลี่ยนแปลงเกิดขึ้น เพื่อประโยชน์ของประชาชน โดยฝ่ายบริหารที่เป็นมืออาชีพ ใช้งบประมาณที่กู้ยืมมาให้เกิดประโยชน์สูงสุด ป้องกันการทุจริตและกำหนดให้บริษัทผู้รับเหมารับประกันงาน 5 ปี โดยให้ผู้นำท้องถิ่นร่วมลงนาม MOU ดูแลถนนแต่ละสาย เพื่อให้เกิดการตรวจสอบ เพื่อความโปร่งใสของโครงการ
ที่สำคัญ ถนนทุกสายที่ชำรุดและมีการซ่อมแซม มีการทำประชาคมและประชาพิจารณ์ เพื่อการรับฟังความคิดเห็นจากประชาชน ซึ่งประชาชนต่างมีความเห็น ที่ต้องการให้มีการซ่อมแซมถนนที่ชำรุดและเป็นหลุมเป็นบ่อ เพื่อให้เกิดความสะดวกในการสัญจรอย่างปลอดภัย ไม่เกิดอุบัติเหตุ และไม่ทำให้รถราเสียหายจากถนนที่เป็นหลุมเป็นบ่อ
โดยข้อเท็จจริง โครงการกู้เงินของ อบจ.สงขลาจำนวน 2,000 ล้านบาท มีเหตุผลที่ฟังได้ เพราะนำมาซ่อมแซมถนน ที่ชำรุดทรุดโทรม ซึ่งเป็นภารกิจของ อบจ.อยู่แล้ว ที่ผ่านมา เป็นการซ่อมแซมตามสภาพของงบประมาณที่มีอยู่น้อยนิด ไม่สามารถที่จะแก้ปัญหา อย่างทั่วถึงและรวดเร็ว เพื่อให้เกิดความสะดวก ปลอดภัยแก่ประชาชน
การกู้เงินของ อบจ.สงขลาเพิ่งจะเริ่มต้นของการทำโครงการ ซึ่งยังมีอีกหลายขั้นตอน ที่ต้องผ่านความเห็นชอบจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ซึ่งต้องดูถึงรายละเอียดของโครงการ ดังนั้น จึงไม่ควรที่จะติเรือทั้งโกลน หรือวิตกจริต เกรงว่าโครงการนี้จะมีการทุจริต หรือมีเงินทอน ซึ่งเรื่องการทุจริตหรือเงินทอน หากเกิดขึ้น ผู้ที่ห่วงใยและเห็นต่างกับผู้บริหาร อบจ.สงขลา ก็ออกมาเปิดโปงเพื่อให้ประชาชนได้รับทราบ ก็ยังไม่สาย
ในมุมที่ต้องชื่นชม สำหรับผู้บริหาร อบจ.สงขลายุคนี้คือ กล้าที่จะให้เกิดความเปลี่ยนแปลง ด้วยการกู้เงินก้อนใหญ่ เพื่อใช้ในการพัฒนา และกล้าที่จะให้ผู้เห็นต่างออกมาวิพากษ์วิจารณ์ถึงผลได้ผลเสียที่เกิดขึ้นจากความเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้น
ในส่วนของผู้เห็นต่าง ที่ใช้ช่องทางในการสื่อสารกับคนสงขลาด้วยการตั้งกลุ่มไลน์ เพื่อบอกถึงเหตุผลของการเห็นต่างกับการกู้เงิน 2,000 ล้านบาท เพื่อการพัฒนาสงขลานั้น โดยข้อเท็จจริง ในมุมของการสื่อสารกับสังคมเป็นมุมที่ อบจ.สงขลาจะได้ประโยชน์ โดยตรง โดยที่ไม่ต้องดำเนินการสื่อสารกับสังคมด้วยตนเอง แต่ฟังเสียงของคนสงขลาว่าเห็นด้วยกับกลุ่มผู้เห็นต่างมากน้อยแค่ไหน เพียงใด เพราะข้อมูลที่ อบจ.สงขลามีอยู่จากการรับฟังความเห็นของประชาชนใน 16 อำเภอ จากการดำเนินการของสมาชิกสภาจังหวัดในแต่ละอำเภอ ก็เป็นข้อมูลส่วนหนึ่ง ที่เป็นเสียงที่เห็นด้วยกับการกู้เงิน 2,000 ล้านบาท เพื่อการพัฒนาถนนหนทางในครั้งนี้
วันนี้จึงยังไม่ใช่เวลาที่ต้องบอกว่าใครผิด ใครถูก เพราะเป็นเพียงความเห็น ที่มีการเห็นด้วย และมีการเห็นต่าง และคือความสวยงามของระบบประชาธิปไตย ที่ประชาชนและผู้บริหารท้องถิ่นได้ประโยชน์ และจะเป็นเรื่องดีๆ อีกเรื่องหนึ่งของจังหวัดสงขลา ถ้าผู้ที่เห็นต่างคัดค้านด้วยเหตุผลของความห่วงใย และเกรงว่าจะไม่โปร่งใจในการรับเหมาก่อสร้าง โดยไม่มีอคติ เป็นที่ตั้งไม่มีเรื่องการเมืองเป็นผลประโยชน์อย่างหนึ่งอย่างใด ก็เป็นสิ่งที่เป็นประโยชน์แก่ประชาชน เพราะจะทำให้ผู้บริหาร อบจ.ต้องเพิ่มความระมัดระวังในการทำโครงการมากยิ่งขึ้น
ที่สำคัญ ผู้บริหาร อบจ.สงขลาต้องติดตามประเด็นของกลุ่มผู้เห็นต่างมาเพื่ออธิบายให้ประชาชนได้รับทราบอย่างละเอียดทุกประเด็นที่มาจากผู้เห็นต่าง ซึ่งจะเป็นประโยชน์อย่างแท้จริง ทั้งประชาชนและผู้บริหาร อบจ.สงขลา
เพื่อเป็นการยืนยันว่า คำพูดของ “สุพิศ พิทักษ์ธรรม” นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดสงขลาว่า การกู้เงิน 2,000 ล้านบาทในครั้งนี้ กู้มาเพื่อการพัฒนา ไม่ได้กู้มาเพื่อโกง