xs
xsm
sm
md
lg

ท้อใจ! เกษตรกรเลี้ยงหมูตรังปล่อยคอกร้างหลังต้นทุนสูง ซ้ำเจอกำแพงภาษีสหรัฐกระทบอีก

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



ตรัง - เกษตรกรเลี้ยงหมูชาวตรังท้อใจยอมปล่อยคอกร้างหลังสู้ต้นทุนที่สูงขึ้นไม่ไหว แถมล่าสุดมาเจอปัญหากำแพงภาษีสหรัฐซ้ำอีก และจะปล่อยให้มีการนำเข้าชิ้นส่วนหมูเข้ามาด้วย หวั่นเกิดผลกระทบรุนแรง

วันนี้ (6 ส.ค.) สภาพฟาร์มหมูของ นายสุพัฒน์ ราชเดิม เกษตรกรผู้เลี้ยงหมูชาวตำบลเขาวิเศษ อ.วังวิเศษ จ.ตรัง ที่ค่อนข้างมืดและปล่อยพื้นที่ว่างเปล่าไว้จำนวนมาก ทั้งที่เคยเป็นฟาร์มขนาดกลาง และเคยเลี้ยงหมูได้ครั้งละประมาณปีละ 500-600 ตัว แต่หลังจากประสบปัญหาขาดทุนต่อเนื่องจากการเลี้ยงหมูขุนที่มีต้นทุนการเลี้ยงสูง เพราะอาหารและปัจจัยอื่น ๆ มีราคาสูง ก็ได้ทำให้เกษตรกรรายนี้ต้องยอมหยุดเลี้ยงหมูขุนไป

โดย นายสุพัฒน์ บอกว่า ตนเองเลี้ยงหมูมานานนับสิบปีแล้ว โดยเริ่มต้นจากการเลี้ยงขายให้บริษัท แต่สุดท้ายตัดสินใจมาเลี้ยงด้วยต้นทุนตัวเอง และหาตลาดขายเองได้ประมาณ 2 ปี แต่ปรากฏว่าราคาหมูในช่วงหลังเกิดการผันผวนตลอดเวลา ทำให้สู้ต้นทุนไม่ไหว ตนเองจึงตัดสินใจเลิกเลี้ยงหมูขุนมาตั้งแต่ปลายปี 2567 ที่ผ่านมา แล้วหันมาทำแบบครบวงจรนั่นคือ มาเลี้ยงแม่หมูแทน เพื่อหวังเอาลูกมาทำหมูขุนและจะแปรรูปหาตลาดขายเอง


ดังนั้น นายสุพัฒน์ จึงตัดสินใจสั่งซื้อแม่พันธุ์ 5 ตัว ๆ ละ 10,000 กว่าบาท มาเลี้ยงเพื่อจะเอาลูกมาขุน ซึ่งตอนนี้ออกลูกแล้ว 1 แม่ จำนวน 12 ตัว กำลังขุน และยังไม่มีการผสมพันธุ์ใหม่ทั้งหมด เพราะรอดูเรื่องกำแพงภาษีกับสหรัฐว่าจะออกมาเป็นแบบไหน ถึงแม้ล่าสุดจะตกลงภาษีกันได้ที่ 19 เปอร์เซ็นต์ แล้วก็ตาม ทั้งที่เดิมตนเองตั้งใจจะซื้อแม่พันธุ์มาเพิ่มให้ได้ 30 ตัว พร้อมจะขุนแปรรูปและขายลูกหมูด้วย แต่ทุกอย่างก็ต้องชะลอเอาไว้ก่อน

“ตอนนี้เมื่อไทยต้องเจอเรื่องกำแพงภาษีสหรัฐ และจะให้มีการนำเข้าชิ้นส่วนหมูเข้ามา เชื่อว่าจะกระทบอย่างมาก อาจต้องเลิกเลี้ยงหมูทั้งหมดเพราะต้นทุนสู้เขาไม่ได้ โดยชิ้นส่วนหมูนำเข้าจะอยู่ที่ กก.ละ 70-80 บาท ขณะที่ชิ้นส่วนหมูในไทยจะต้องขายที่ กก.ละไม่ต่ำกว่า 100 บาท จึงจะคุ้มทุน และเชื่อว่าพอเอาเข้าจริงจะมีการนำเข้าชิ้นส่วนอื่น ๆ ของหมูเข้ามาด้วยแน่นอน ซึ่งจะซ้ำเติมปัญหาลักลอบนำหมูเถื่อนที่เข้ามาตีตลาดก่อนหน้านี้” นายสุพัฒน์ กล่าว




กำลังโหลดความคิดเห็น