ยะลา - มทภ.4 ในฐานะ ผอ.รมน.4 ร่วมกับ ผบช.ภ.9 และ ศอ.บต.แถลงความคืบหน้าคดีความมั่นคงในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ เผยห้วงเดือน ก.ค.ออก 63 หมายจับ จับกุมผู้ต้องหาได้ 13 คน
เมื่อวันที่ 1 สิงหาคม 2568 เวลา 08.30 น. ที่ห้องประชุม อาคารศูนย์ปฎิบัติการสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ส่วนหน้า อำเภอเมือง จังหวัดยะลา พล.ท.ไพศาล หนูสังข์ แม่ทัพภาคที่ 4 และผู้อำนวยการรักษาความมั่นคงภายใน (ผอ.รมน.) ภาค 4 พล.ต.ท.ปิยะวัฒน์ เฉลิมศรี ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 9 พ.ต.ท.วรรณพงษ์ คชรักษ์ เลขาธิการศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้ (ศอ.บต.) พล.ต.ต.ชุมพล ศักดิ์สุรีย์มงคล ผู้บังคับการสืบสวนสอบสวนตำรวจจังหวัดชายแดนภาคใต้ ได้ร่วมกันแถลงข่าวความคืบหน้าคดีความมั่นคงในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ ในห้วงที่ผ่านมา
พล.ท.ไพศาล หนูสังข์ แม่ทัพภาคที่ 4 กล่าวว่า ตามที่ นายภูมิธรรม เวชยชัย รักษาการนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย มอบหมายให้ และศูนย์ปฏิบัติการสำนักงานตำรวจแห่งชาติส่วนหน้าดำเนินการเร่งรัดติดตามตัวผู้ก่ออาชญากรรมในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้มาเข้าสู่กระบวนการยุติธรรมโดยเร็ว และกำชับเลขาธิการ ศอ.บต.เร่งเยียวยาผู้ได้รับผลกระทบในเหตุต่างๆ ที่เกิดขึ้น เพื่อบรรเทาความเดือดร้อนของประชาชนนั้น กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายใน (กอ.รมน.) ภาค 4 ได้กำชับให้หน่วยขึ้นตรงที่เกี่ยวข้องติดตามผู้กระทำผิดและบังคับใช้กฎหมาย โดยคำนึงถึงหลักสิทธิมนุษยชน ไม่กระทำต่อผู้บริสุทธิ์ ดำเนินการใช้มาตราการจากเบาไปหาหนัก คำนึงถึงสิทธิ เสรีภาพ และบังคับใช้กฎหมายเท่าที่จำเป็น ต่อเมื่อมีพยานหลักฐาน ที่น่าเชื่อว่ามีส่วนเกี่ยวกับการก่อเหตุเท่านั้น
ด้าน พล.ต.ท.ปิยะวัฒน์ เฉลิมศรี ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 9 บอกว่า ความคืบหน้าทางด้านคดีความมั่นคงในห้วงที่ผ่านมา ทั้งกองกำลังทหารพราน งานสืบสวนคดีความมั่นคง และฝ่ายปกครองได้ร่วมกันติดตามผู้กระทำผิดเพื่อมาดำเนินคดีตามกฎหมาย ซึ่งผลการดำเนินการในห้วงเดือนกรกฎาคม 2568 ได้เข้าปิดล้อมตรวจค้นเป้าหมาย 35 ครั้ง ควบคุมตัวผู้ต้องสงสัย 20 คน ปัจจุบันมีผู้ถูกควบคุมตัวอยู่ในกระบวนซักถามรวม 18 คน เกี่ยวข้อง 10 เหตุการณ์ ในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ และจังหวัดในพื้นที่ฝั่งอันดามัน
การดำเนินคดี ได้รวบรวมพยานหลักฐาน นำไปสู่การออกหมายจับ จำนวน 63 หมาย โดยจับกุมแล้ว 13 หมาย รวมผู้ต้องหา 13 คน ทั้งนี้ ทุกคดีที่รู้ตัวผู้กระทำความผิด เจ้าหน้าที่ฝ่ายความมั่นคงอยู่ระหว่างรวบรวมหลักฐาน เพื่อออกหมายจับและติดตามจับกุม การเชิญตัวสู่กระบวนการซักถาม เป็นส่วนหนึ่งของการสืบสวนสอบสวนชั้นก่อนการดำเนินคดี ซึ่งเป็นกระบวนการรวบรวมพยานหลักฐาน ปรับทัศนคติ ระงับยับยั้งเหตุ อีกทั้งเปิดโอกาสให้ผู้หลงผิดและให้การเป็นประโยชน์ได้กลับคืนสู่สังคม เมื่อตรวจสอบพยานหลักฐานว่าไม่ส่วนเกี่ยวข้องภายหลักจากการซักถามตามเหตุควรสงสัยต่างๆ
“จากการปฏิบัติการเชิงรุกในห้วงเดือนเมษายน 2568 ถึงปัจจุบัน เจ้าหน้าที่ฝ่ายความมั่นคงได้สืบสวนสอบสวนรวบรวมพยานหลักฐาน จนรู้ตัวผู้กระทำความผิดโดยคลี่คลายคดีไปแล้ว 20 คดี นำไปสู่การออกหมายจับ 101 หมาย จับกุม 36 คน 38 หมาย อันเป็นการแยกผู้ก่ออาชญากรรมออกจากชุมชน เพื่อให้ประชาชนผู้บริสุทธิ์ได้ใช้ชีวิตตามปกติสุข การปฏิบัติที่ผ่านมาฝ่ายความมั่นคงดำเนินการภายใต้กรอบกฎหมายที่มีอยู่เท่าที่จำเป็น โดยยึดหลักสิทธิมนุษยชน นิติธรรม นิติรัฐ บังคับใช้กฎหมายด้วยความเสมอภาค และบังคับใช้กฎหมายกับผู้ที่เกี่ยวข้องกับการกระทำความผิดเท่านั้น”
สำหรับผู้ก่ออาชญากรรม ผู้กระทำผิด ไม่ว่าจะเป็นผู้ให้การช่วยเหลือ สนับสนุน หรือผู้ก่อเหตุ เจ้าหน้าที่จะรวบรวมพยานหลักฐาน เข้าสู่กระบวนการยุติธรรมตามหลักสากล และการพิจารณาในชั้นศาลทุกคดี ต้องขอบคุณเครือข่ายภาคประชาชน และชุมชนที่ได้ให้ความร่วมมือ แจ้งเบาะแสต่างๆ ที่เป็นประโยชน์ เราจะร่วมกันทำให้เกิดความสงบสุขในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้” ผบช.ภ.9 กล่าว
ขณะที่ พล.ต.ต.ชุมพล ศักดิ์สุรีย์มงคล ผู้บังคับการสืบสวนสอบสวนตำรวจจังหวัดชายแดนภาคใต้ บอกว่า สำหรับความคืบหน้าทางด้านคดีเหตุการณ์ความไม่สงบในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ จากการรวบรวมหลักฐานทางนิติวิทยาศาสตร์ที่เป็นไปตามหลักสากล พบว่ากลุ่มที่ก่อเหตุเป็นกลุ่มเดียวกัน ส่วนเหตุระเบิดที่ภูเก็ตและพังงา มีความเชื่อมโยงกับกลุ่มผู้ก่อความไม่สงบในสามจังหวัด คดีนี้ดำเนินการสืบสวนเสร็จสิ้นแล้ว ภาพรวมรายละเอียดพบว่า มีการอดำเนินการเตรียมการตั้งแต่ปลายปีที่ผ่านมา และมีการสำรวจเป้าหมาย จนกระทั่งมาก่อเหตุในช่วงปลายเดือนมิถุนายน มีจุดมุ่งหมายให้เกิดระเบิดในช่วงปลายปี เพื่อทำลายต่อระบบเศรษฐกิจ เป้าหมายคือพื้นที่ ภูเก็ต พังงา และกระบี่ คดีนี้ทำการสืบสวนจนเสร็จสิ้น ทราบตัวผู้กระทำความผิดรวม 26 คน ศาลอนุมัติหมายจับเป็นที่เรียบร้อยแล้ว และกำลังทยอยแจ้งข้อกล่าวหาสุดท้ายอีกประมาณ 5 คน
“ในส่วนของความปลอดภัย ระเบิดที่ใช้ในเหตุนี้ 16 ลูก แม่ทัพภาค 4 สั่งการให้กำลังในพื้นที่เก็บกู้ทั้งหมดแล้ว พื้นที่ปลอดภัย ส่วนมาตรการป้องกัน ทางผู้ช่วย ผบ.ตร. ก็ได้กำชับให้กำลังในพื้นที่ตรวจตรา เฝ้าตรวจ เพื่อสร้างความปลอดภัยในพื้นที่จังหวัดภูเก็ต และพื้นที่ท่องเที่ยว ในเขตภูธรภาค 8 และภาค 9 ส่วนเหตุผลในการวางระเบิด เพื่อให้เกิดเหตุระเบิดในช่วงปลายปี ก็สืบเนื่องมาจากต้องการปกปิดร่องรอย หลักฐาน ไม่ว่าจะเป็น CCTV หรือหลักฐานทางดิจิตอลต่างๆ ซึ่งเจ้าหน้าที่ก็ได้ดำเนินการแก้ไขการจัดเก็บภาพให้นานขึ้นแล้ว ระเบิดทุกลูกถูกตั้งเวลามากกว่า 4 เดือนขึ้นไป แต่อย่างไรก็ตามขอให้มั่นใจ ในเรื่องของความปลอดภัยพื้นที่ท่องเที่ยว ที่ได้มีการวางมาตรการเอาไว้แล้ว” พลตำรวจตรี ชุมพล กล่าว