ศูนย์ข่าวภูเก็ต - “วัดกะตะ” ยังไม่เซ็นรับ พระใหญ่ มาดูแล หลังกรมป่าไม้ อนุญาตให้ใช้พื้นที่ ภายใต้เงือนไข 25 ข้อ ประชุมร่วมกับชาวบ้าน ขอมติ ส่วนใหญ่ไม่ขัดข้อง แต่ห้ามให้มูลนิธิเข้ามายุ่งเกี่ยว /ผู้เชี่ยวชาญต้องยืนยันเรื่องแข็งแรง
เมื่อเวลา 14.00น. วันนี้ (17 ก.ค.) ที่วัดกะตะ ต.กะรน อ.เมือง จ.ภูเก็ต วัดกะตะ หรือ วัดกิตติสังฆาราม ได้จัดให้การประชุมรับฟังความคิดเห็นจากประชาชนในพื้นที่ และ ผู้เสียหาย จากเหตุการณ์ดินถล่มจากเทือกเขานาคเกิด บริเวณที่ตั้งพระใหญ่ หรือ พระพุทธมิ่งมงคลเอกนาคคีรี (พระใหญ่) ภูเก็ต เพื่อขอความเห็นจากผู้ที่เข้าร่วมประชุม กรณี กรมป่าไม้ ได้อนุญาตให้ทางวัดกะตะ เข้าทำประโยชน์ ในพื้นที่ที่มีการก่อสร้างพระใหญ่ ซึ่งมีการต่อใบอนุญาตทุก 5 ปี ภายใต้เงื่อนไข จำนวน 25 ข้อ ซึ่งจนถึงขณะนี้ ทางเจ้าอาวาสวัดกะตะ ยังไม่ได้มีการเซ็นรับเงื่อนไขการอนุญาต ทำให้การอนุญาตให้ใช้พื้นที่บริเวณพระใหญ่ยังไม่สมบูรณ์
ซึ่งการประชุมครั้งนี้ มี พระครูวิสุทธิ์กิตยาภรณ์ เจ้าอาวาสวัดกิตติสังฆาราม (วัดกะตะ) พร้อมด้วยคณะกรรมการวัด นายวินัย ชิดเชี่ยว กำนันตำบลกะรน ผู้ใหญ่บ้าน ในพื้นที่กะรน นายสัจจพล ทองสม พ.ต.อ.คุณเดช ณ หนองคาย กำกับการสถานีตำรวจภูธรกะรน รองนายกเทศมนตรีตำบลกะรน นางรุ่งนภา เพชรแก้ว ประธานสภาทนายความจังหวัดภูเก็ต ซึ่งได้รับมอบหมายจากผู้เสียหายแจ้งความดำเนินคดีกับกรณีที่เกิดขึ้น รวมทั้งชาวบ้านในพื้นที่ และ ชาวบ้านที่ได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์ดินถล่ม เข้าร่วมประชุม
ซึ่งรายละเอียดของเงื่อนไขในการอนุญาต ที่ทางกรมป่าไม้กำหนด มีจำนวน 25 ข้อ เช่น วัดจะต้องไม่กระทำ หรือยินยอมให้ตัวแทน คนงาน หรือลูกจ้าง กระทำการหรือละเว้นกระทำการใดๆ ให้เป็นการเสื่อมเสียต่อสภาพป่าไม้ หรือของป่า นอกเขตพื้นที่ที่ประกาศกำหนด หากมีการกระทำผิดผู้รับอนุญาตต้องรับโทษตามที่กฎหมายบัญญัติไว้สำหรับความผิด รวมทั้ง วัดต้องดำเนินการเอง กรณีที่จำเป็น อาจมอบหมายให้ผู้หนึ่งผู้ใด เป็นผู้ดำเนินการแทนได้ แต่ถ้าเกิดความเสียหายใด ขึ้น ผู้รับอนุญาตต้องรับผิดชอบในฐานะเป็นผู้ดำเนินการทั้งสิ้น ต้องใช้พื้นที่ที่ได้รับอนุญาตเพื่อวัตถุประสงค์หรือกิจการที่ขออนุญาตเท่านั้นจะนำไปใช้ในวัตถุประสงค์อื่นหรือกิจการอื่นมิได้ หากผู้ได้รับอนุญาติไม่ดำเนินการตามวัตถุประสงค์นับตั้งแต่วันที่ได้รับอนุญาตเกินกว่า 3 ปี จะถือว่าไม่ประสงค์ที่จะใช้ประโยชน์ต่อไป หากเกิดปัญหาร้องเรียนอันเกี่ยวเนื่องกับกิจจการที่ได้รับอนุญาตผู้รับอนุญาตต้องดำเนินการแก้ไขปัญหาในทันทีและแจ้งพนักงานเจ้าหน้าที่ทราบ หากมีการตรวจสอบและมีเหตุเชื่อได้ว่าก่อให้เกิดผลกระทบและมีความเสียหายร้ายแรงให้พนักงานเจ้าหน้าที่พักใช้ใบอนุญาตตามระเบียบและข้อกฎหมายที่เกี่ยวข้อง
อย่างไรก็ตามในการประชุม ได้มีการสอบถามความคิดเห็น ของผู้เข้าร่วมประชุม ว่า จะให้วัดรับเซ็ตรับการอนุญาตการใช้พื้นที่ดังกล่าวหรือไม่ ถ้ารับแล้วจะต้องทำอย่างไร ถ้าไม่รับจะต้องทำอย่างไร ต่อไป ซึ่งที่ประชุมได้มีการแสดงความคิดเห็นกันอย่างกว้างขวาง โดยเฉพาะเรื่องของความปลอดภัย ที่จนถึงขณะนี้ยังไม่ได้มีการแก้ไขปัญหาเรื่องของทางน้ำ ที่อาจจะเกิดเหตุดินถล่มซ้ำลงมา หากมีฝนตกหนักต่อเนื่อง รวมทั้งเรื่องของชดเชยค่าเสียหาย ให้กับผู้เสียชีวิต ทั้ง 13 ราย บ้านเรือนของชาวบ้านที่พังเสียหายจำนวนหลายหลัง เรื่องของคดีความ
ซึ่งชาวบ้านที่เข้าร่วมประชุมส่วนใหญ่ มีความเห็นว่าวัดสามารถที่จะรับพระใหญ่ มาบริหารจัดการได้ ภายใต้เงื่อนไข ว่า จะต้องการแก้ไขปัญหา และ ป้องกันไม่ให้เกิดดินถล่มลงซ้ำ เพราะพระใหญ่เป็นแลนด์มาร์คที่นักท่องเที่ยวรู้จักอยู่แล้ว แต่ส่วนอื่นๆ ที่ก่อสร้างโดยไม่รับอนุญาต ไม่ว่าจะเป็นห้องน้ำ หรือลานจอดรถ รวมทั้งส่วนอื่น จะต้องรื้อออก และ ปรับพื้นที่ให้เป็นป่า และที่สำคัญไม่ว่าวัดจะรับหรือไม่รับสิ่งที่จะต้องทำเร่งด่วนในตอนนี้คือการปรับพื้นที่เพื่อให้น้ำไหลลงไปทางฝายด้านหลัง เพื่อป้องกันไม่ให้น้ำไหลลงมาด้านหน้า โดยด่วน
นอกจากนั้นหากทางวัดรับพระใหญ่มาบริหารจัดการ ทางวัดจะต้องไม่ส่งมอบพื้นที่ดังกล่าวให้กับมูลนิธิ หรือ เอกชนราย ใดเข้ามาดูแลและใช้ประโยชน์เหมือนที่ผ่านมา
ด้านนายวินัย ชิดเชี่ยว กำนันตำบลกะรน ได้กล่าวสรุปในตอนท้ายของการประชุมว่า ณ วันนี้ ทางวัดและฝ่ายปกครองเป็นคนเชิญชาวบ้านมาร่วมประชุมเพื่อรับความคิดเห็นและข้อเสนอแนะ และจากการประชุม ทางวัดยังไม่สรุปว่าจะรับ พระใหญ่ เข้ามาดูแลหรือไม่ ซึ่งต้องให้ผู้เชี่ยวชาญเข้าตรวจสอบขององค์พระ และดินบริเวณที่ตั้งองค์พระว่ามีความแข็งแรงพอหรือไม่ และให้รับรองมาเป็นเอกสารเพื่อประกอบการพิจารณา เพราะถ้ารับมาแล้วตัวพระไม่ปลอดภัย ก็ไม่รู้จะรับมาทำอะไร แต่ถ้าตรวจสอบแล้วพระมีความแข็งแรง ก็จะรับเข้ามาอยู่ในการดูแลของวัด แต่จะต้องรับภายใต้เงื่อนไขว่า จะต้องมีการชดใช้ความเสียหายจากเหตุการณ์ดังกล่าว ซึ่งเรื่องนี้จะต้องมีการพูดคุยกันให้ชัดเจนว่าจะต้องมีการชดใช้อย่างไร
อย่างไรก็ตามขณะนี้ในพื้นที่ดังกล่าวยังอยู่ระหว่างการแจ้งความดำเนินคดีกันอยู่ รับมาแล้วทางวัดสามารถปรับปรุงซ่อมแซมได้หรือไม่ เรื่องนี้ก็ต้องมาคุยกัน เพราะตอนนี้มีการแจ้งความกันหลายคดี ทั้งที่ป่าไม้ แจ้งความข้อหาการบุกรุกก่อสร้างสิ่งปลูกสร้าง และลานจอดรถ 5 ไร่ และ เทศบาลตำบลกะรน แจ้งความดำเนินคดีในข้อหาการก่อสร้างโดยไม่ได้รับอนุญาต
นายวินัย ยังกล่าวต่อไป ว่า ขั้นตอนต่อไปจะต้องมาคุยกันเรื่องของแผนพัฒนาพื้นที่ ภายหลังมีมติรับหากผู้เชี่ยวชาญตรวจสอบและมีการยืนยันเรื่องของความปลอดภัย ก็จะต้องมีแผนรองรับในเรื่องของการแก้ปัญหาและการป้องกันการเกิดเหตุซ้ำ เพราะเรื่องนี้เป็นเรื่องที่ทุกคนเป็นห่วงและเป็นกังวล ซึ่งเรื่องนี้จะประสานไปยังหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในการหามาตรการป้องกัน
และที่สำคัญที่หลายๆคนเป็นห่วงคือเรื่องของส่งมอบพื้นที่ให้คนอื่นดูแล เชื่อว่าเรื่องนี้จะไม่เกิดขึ้น และ จะไม่มีการแต่งตั้งคนที่มีปัญหามาเป็นคณะกรรมการในการขับเคลื่อน มาดูแลพื้นที่พระใหญ่อย่างแน่นอน และจะไม่มีการมอบอำนาจให้มูลนิธิ หรือ บุคคลใดเข้ามาดำเนินการแทนอย่างแน่นอน ยังเว้นคณะกรรมการที่ได้รับการแต่งตั้ง ถ้ารับพระใหญ่ มา ทางวัดจะต้องปฏิบัติตามเงื่อนไขทั้ง 25 ข้ออย่างเคร่งครัด เพราะถ้าไม่ทำตามข้อใดข้อหนึ่งทางกรมป่าไม้ก็สามารถเพิกถอนการอนุญาต ได้ตลอดเวลา
นายวินัย ยังได้กล่าวต่อไปว่า หากวัดรับมา ทางคณะกรรมการที่ได้รับการแต่งตั้ง จะต้องจัดงบประมาณส่วนหนึ่ง ไปดำเนินการซ่อมแซม และ แก้ปัญหาเรื่องของความเสี่ยงอย่างเร่งด่วน ตามที่ได้รับคำแนะนำจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพี่อป้องกันไม่ให้เกิดเหตุซ้ำ โดยเฉพาะที่ลานจอดรถ จะต้องรีบแก้เพื่อให้น้ำไหลลงทางด้านหลังที่เป็นฝายแทนที่จะปล่อยให้ไหลลงมาด้านหน้าเหมือนที่ผ่านมา เพราะวันนี้น้ำยังไหลลงมาด้านหน้า ซึ่งยังเสี่ยงอยู่
ตอนนี้ปัญหาข้างบนมีการพัฒนา แบบไร้ทิศทาง จึงจะต้องหามาตรการ ในการแก้ปัญหาอย่างเร่งด่วน ไม่ว่าทางวัดจะรับหรือไม่รับพระใหญ่ ตามที่กรมป่าไม้อนุญาตก็ตาม