สุราษฎร์ธานี - ตำรวจบุกรวบหนุ่มสุดแสบ อ้างเป็นเจ้าหน้าที่การไฟฟ้า ตระเวนหลอกชาวต่างชาติ ที่พักอาศัยในวิลล่า โดยใช้วิธิหลอกตัดกระแสไฟฟ้าหากไม่จ่ายชำระค่าไฟฟ้า ชาวต่างชาติหลงเชื่อโอนเงินใหัพบประวัติโชกโชน ทำมาแล้วหลายครั้ง
เมื่อคืนวันที่ 12 กรกฎาคม 2568 พ.ต.อ.เด่นดวง ทองศรีสุข ผกก.สภ.บ่อผุดภ.จว.สุราษฎร์ธานี ได้สั่งการมอบให้ พ.ต.ท.ภาณุมาศ ชูเกื้อ สว.สส. ร.ต.ท.วสันต์ สัมภวะผล รอง สว.สส. จับกุม นายกานต์นิธิ อายุ 35 ปี ภูมิลำเนา ชาว จ.นครสวรรค์ ขณะอยู่ในห้องเช่า ไม่มีเลขที่ หมู่ 3 ตำบลอ่างทอง อำเภอเกาะสมุย จังหวัดสุราษฎร์ธานี พร้อมตรวจยึดรถจักรยานยนต์ และ เสื้อผ้า รองเท้า รวมถึงตรวจยึดเครื่องแต่งกายที่สวมใส่ในวันก่อเหตุ แอบอ้างเป็นเจ้าหน้าที่การไฟฟ้า หลอกเก็บเงินค่าไฟจากชาวต่างชาติ พร้อมนำตัวไปทำการสอบปากคำ ที่ สภ.บ่อผุด
สำหรับคดีนี้ สืบเนื่องจาก เมื่อวันที่ 11 ก.ค.ที่ผ่านมา ได้มี MR.DMITTRY สัญชาติรัสเซีย เดินทางเข้าแจ้งความกับพนักงานสอบสวน สภ.บ่อผุด ว่า เมื่อวันที่ 2 ก.ค.ได้ถูกชายไทยอ้างตัวว่าเป็นเจ้าหน้าที่จากการไฟฟ้า และ เดินทางมาเพื่อตัดกระแสไฟ ซึ่งชายไทยคนดังกล่าวอ้างว่าบ้านดังกล่าวได้ค้างชำระค่าไฟฟ้า มาเป็นเวลา 2 เดือน เจ้าของบ้านชาวรัสเซีย หลงเชื่อเนื่องจากค้างชำระอยู่จริง จึงได้โอนเงินชำระค่าไฟฟ้าจำนวน 26,000 บาทให้แก่ผู้ที่อ้างว่าเป็นเจ้าหน้าไฟฟ้าที่ไป
แต่หลังจากนั้นได้ตรวจสอบพบว่าเงินที่จ่ายชำระไม่ได้เข้าระบบการไฟฟ้าแต่อย่างใด จึงได้เดินทางมาแจ้งความและมอบภาพถ่ายคนร้ายจากกล้องวงจรปิด ให้เจ้าหน้าที่ตำรวจตรวจสอบ เพื่อติดตามจับกุมคนร้าย
จากการสอบปากคำ นายกานต์นิธิ ให้การรับสาภาพว่า เป็นผู้ก่อเหตุจริง โดยใช้วิธี ขับรถจักรยานยนต์ ตระเวนไปตามหมู่บ้านหรือวิลล่าต่างๆ ที่ชาวต่างชาติพักอาศัย แล้วทำทีดูใบเสร็จเรียกเก็บค่าไฟฟ้าที่เหน็บอยู่บริเวณเสาไฟฟ้า หรือหน้าบ้าน เมื่อพบว่ามีการค้างชำระค่าไฟฟ้า จึงได้ติดต่อกับผู้ที่พักอาศัยซึ่งเป็นชาวต่างชาติ ก็จะแจ้งว่าเป็นเจ้าหน้าที่จากไฟฟ้า จะมาทำการตัดกระแสไฟ หากไม่ต้องการให้ตัดกระแสไฟ ก็จะต้องดำเนินการจ่ายค่าไฟที่ค้างชำระ โดยตรงที่ตนได้ทันที
ผู้ต้องหากล่าวอีกว่า เมื่อผู้เสียหายหลงเชื่อจึงให้โอนเงินชำระค่าไฟฟ้าเข้าบัญชีธนาคารของตน และยอม รับว่าก่อเหตุในพื้นที่เกาะสมุย มาแล้วหลายครั้ง เนื่องจากก่อนหน้านี้ ตนเคยทำงานเป็นลูกจ้างของบริษัทเอกชนที่รับจ้างตัดกระแสไฟฟ้า(หม้อไฟ) จึงมีความรู้ จึงได้เเจ้งข้อกล่าวหา “ฉ้อโกงโดยแสดงตนเป็นคนอื่น”ส่งตัวให้พนักงานสอบสวน ดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป