ตรัง – “ชวน หลีกภัย” ขึ้นรถโดยสารไปกับประชาชน วิ่งข้ามช่วงบริเวณเขาพับผ้า ตรัง-พัทลุง เพื่อพิสูจน์ปัญหาและข้อเท็จจริง เผยคำสั่งห้ามรถสองชั้นวิ่งในเส้นทางนี้ ไม่สอดคล้องกับสภาพความสะดวก เป็นภาระของผู้โดยสารและผู้ประกอบการ ควรปรับปรุงทบทวนโดยไม่ต้องรอศาลตัดสิน
วันนี้ (3 ก.ค.) นายชวน หลีกภัย ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาธิปัตย์ และอดีตประธานรัฐสภา ได้เดินทางลงพื้นที่ ต.บ้านนาวง อ.ศรีนครินทร์ จ.พัทลุง เพื่อตรวจสอบสภาพปัญหาความเดือดร้อนของผู้ประกอบการรถโดยสารสองชั้นสาธารณะประจำทาง สายสุไหงโกลก-ภูเก็ต และเบตง-ภูเก็ต ที่ต้องทำการถ่ายผู้โดยสารลงจากรถบัสสองชั้นในฝั่งพื้นที่จังหวัดพัทลุง เพื่อขึ้นรถบัสชั้นเดียว วิ่งข้ามช่วงบริเวณเขาพับผ้า ตรัง-พัทลุง พร้อมกับรถบัสสองชั้น ที่จะต้องวิ่งรถเปล่า และไม่มีผู้โดยสารนั่งภายในรถ ข้ามตามไปรับผู้สารกลับขึ้นรถอีกครั้ง ในฝั่งพื้นที่ตำบลช่อง อ.นาโยง จ.ตรัง เพื่อมุ่งหน้าไปยังปลายทางยังจังหวัดภูเก็ต
ทั้งนี้ เป็นผลมาจากการที่กรมการขนส่งทางบก ได้ออกคำสั่งห้ามรถโดยสารสองชั้นประจำทางวิ่งผ่านช่วงบริเวณเขาพับผ้า ตั้งแต่วันที่ 1 มิถุนายน ที่ผ่านมา จึงทำให้ผู้ประกอบการรถ และผู้โดยสารได้รับความเดือดร้อนเป็นอย่างมาก โดยผู้โดยสารบางรายต้องอุ้มลูกเล็กหรือต้องจูงลูกน้อย เพื่อเปลี่ยนรถกลางทางอย่างทุลักทุเลทุกวัน หรือบางช่วงถ้าเป็นวันหยุดยาวมีผู้โดยสารเต็มคันรถสองชั้น เมื่อเปลี่ยนมานั่งรถบัสชั้นเดียว ทำให้ที่นั่งมีไม่เพียงพอ ต้องยืนเบียดเสียดกันในรถ และบางเที่ยวฝนตกก็ต้องเปลี่ยนถ่ายรถจนเปียกปอนอย่างน่าเห็นใจ
โดย นายชวน หลีกภัย ได้ขึ้นรถบัสชั้นเดียวไปกับผู้โดยสารกว่า 30 คน ซึ่งในที่นี้มีเด็กเล็กรวมอยู่ด้วย เพื่อให้เห็นสภาพปัญหาดังกล่าวของทั้งผู้ประกอบการและผู้โดยสาร และเห็นสภาพถนนช่วงบริเวณเขาพับผ้า ตรัง-พัทลุง อย่างชัดเจน พร้อมกับได้พูดคุยกับผู้โดยสาร และปรึกษาหารือกับ นางอรอนงค์ เขียวเล็ก ขนส่งจังหวัดตรัง ก่อนต่อสายพูดคุยกับ นางมนพร เจริญศรี รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคม และปลัดกระทรวงคมนาคม เพื่อหาทางแก้ไขปัญหานี้ให้กับผู้ประกอบการและผู้โดยสาร
นายชวน กล่าวว่า ในเรื่องความปลอดภัยของเส้นทางช่วงบริเวณเขาพับผ้านั้น หน่วยงานที่เชี่ยวชาญในเรื่องนี้โดยเฉพาะจะต้องเป็นผู้กำหนด โดยมีหลักวิทยาศาสตร์การคำนวณความลาดเอียง และระยะทางความยาว เป็นตัวกำหนด ซึ่งเบื้องต้นได้รับแจ้งจากขนส่งจังหวัดตรังว่า ถนนช่วงนี้มีความลาดเอียงระดับหนึ่ง ประมาณ 8 เปอร์เซ็นต์ แต่ไม่ได้มีระยะทางยาวต่อเนื่องถึง 5 กิโลเมตร โดยมีลักษณะเป็นเนิน เป็นช่วง ๆ สลับกัน และทราบว่าประเด็นนี้ รองปลัดกระทรวงคมนาคม ก็ได้ลงพื้นที่มาตรวจสอบด้วยตัวเองแล้ว จึงต้องรอผลอยู่
แต่ส่วนตัวจากการไปดูของจริงมา แล้วเห็นสภาพรถที่ต้องให้ผู้โดยสารลงจากรถสองชั้นไปขึ้นรถชั้นเดียวในฝั่งหนึ่ง และให้รถสองชั้นวิ่งรถเปล่าไปรอรับผู้โดยสารกลับขึ้นรถอีกฝั่งหนึ่ง ดูแล้วไม่สอดคล้องกับสภาพความสะดวก เป็นภาระของผู้โดยสารและผู้ประกอบการก็มีต้นทุนสูงขึ้น ส่วนการที่กรมการขนส่งทางบกออกคำสั่งห้ามรถสองชั้นวิ่งในเส้นทางนี้ก็เพื่อความปลอดภัย แต่เป็นการเอาตัวอย่างการเกิดอุบัติเหตุของจังหวัดอื่นมากำหนด ทั้งที่ในปัจจุบันเส้นทางช่วงบริเวณเขาพับผ้าสะดวกสบายแล้ว ฉะนั้น หากไม่ได้เป็นอันตรายตามที่ประกาศ ก็ควรปรับปรุงทบทวนโดยไม่ต้องรอศาลตัดสิน และเอาความสะดวก ความปลอดภัยของประชาชนเป็นที่ตั้งดีกว่า