สุราษฎร์ธานี – รวบหนุ่มนครศรีฯ มนุษย์ร้อยชื่อ อ้างตัวเป็นตำรวจ สังกัดหน่วยงานต่าง ๆ โทรเรียกรับผลประโยชน์จากนักธุรกิจ ในเมืองท่องเที่ยว มีผู้เสียหายหลงเชื่อตกเป็นเหยื่ออื้อ ล่าสุดอ้างเป็น ตำรวจ ตม.6 ก่อนถูกรวบได้
เมื่อเวลา 11.00 น.วันนี้ ( 21 มิ.ย.68) ที่ห้องประชุม สภ.เกาะพะงัน จ.สุราษฎร์ธานี พล.ต.ท.ภาณุมาศ บุญญลักษม์ ผบช.สตม. มอบหมายให้ พล.ต.ต.ณัฐกร ประภายนต์ รอง ผบช.สตม. พล.ต.ต.ทรงโปรด สิริสุขะ ผบก.ตม.6 พ.ต.อ.ภาณุภาคยณ์ จิตต์ประยูรตี รอง ผบก.ตม.6 พ.ต.อ.นฤวัต พุทธวิโร ผกก.ตม.จว.สุราษฎร์ธานี พ.ต.ท.ชัยยุทธ คงแก้ว รอง.ผกก.ป.สภ.เกาะพะงัน พ.ต.ท.วินิจ บุญชิต สว.ทท.5 กก.2 บก.ทท. พร้อมนักธุรกิจ ผู้ประกอบการ ทั้งไทยและชาวตางชาติ หลายราย จากเกาะสมุย เเละ เกาะพะงัน และเกาะเต่า ที่ตกเป็นผู้เสียหาย ร่วมรับฟังข้อมูลจากผู้เสียหาย ที่ตกเป็นเหยื่อ
จากกรณีที่ นายสุชาติ หรือหนุ่ม สมบัติชัย 41 ปี ภูมิลำเนา อ.สิชล จ.นครศรีธรรมราช และ น.ส.สุพัตรา มูลดี อายุ 24 ปี ภูมิลำเนา อ.โนนสัง จ.หนองบัวลำภู ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลจังหวัดเกาะสมุย ที่ 154 /2568 ลงวันที่ 29 พ.ค. 2568 ในข้อหาฉ้อโกงโดยแสดงตนเป็นบุคคลอื่น โดยตำรวจตรวจคนเข้าเมืองไปจับได้ที่ จ.หนองบัวลำภู พบว่า น.ส.สุพัตรา กำลังตั้งท้องแก่ และนำตัวมาสอบปากคำ ที่เกาะพะงัน เนื่องจากที่เกาะพะงันมีผู้ประกอบการตกเป็นเหยื่อหลายราย
โดย นายสุชาติ สามี น.ส.สุพัตรา มีพฤติการณ์แอบอ้างเป็นเจ้าหน้าที่รัฐ อ้างเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจ สังกัดต่างๆ ทั้งตำรวจภูธรภาคเกือบทุกภาค ตำรวจสันติบาล ตำรวจน้ำ ปคม ตำรวจท่องเที่ยว และตรวจคนเข้าเมือง มีพฤติกรรมใช้โทรศัพท์เรียกรับผลประโยชน์ จากผู้ประกอบการ ร้านค้าต่าง ๆ ในพื้นที่ภาคใต้ โดยมีการโทรไปหลอกลวงผู้ประกอบการ นักธุรกิจ ร้านค้าต่าง ๆ กว่า 2,000 ราย ซึ่งมีทั้งรายที่ไม่หลงเชื่อ และ ผู้เสียหายหลงเชื่อแล้วโอนเงินไปให้ โดยใช้ชื่อว่า “สารวัตรวัฒน์” หรือ “สารวัตรศักดิ์ สารวัตรชาติ” จะใช้คำพูดหลอกล่อโน้มน้าวแจ้งเหตุ เพื่อขอรับเงินสนับสนุน เช่น มีการจัดเลี้ยงของหน่วย การเดินทางไปตรวจราชการในพื้นที่นั้น ๆ จึงขอสนับสนุนเงินเป็นค่าอาหาร เครื่องดื่ม หรือค่าเดินทาง รวมถึงขอยืมเงินแบบส่วนตัว หรือแม้กระทั่งในลักษณะเชิงข่มขู่ ทำนองว่าธุรกิจที่ทำอยู่มีความหมิ่นเหม่จะกระทำผิดกฎหมาย ทำให้ประชาชนทั้งชาวไทย และ ต่างชาติจำนวนหลายรายที่หลงเชื่อเข้าใจว่าเป็นเจ้าหน้าที่ของรัฐจริง โอนเงินไปให้คนร้ายตามบัญชีธนาคาร ต่าง ๆ ที่คนร้ายแจ้งไว้ และใช้บัญชีม้า ซึ่งก่อเหตุในลักษณะดังกล่าว มาแล้วระยะหนึ่งมากกว่า 10 ปี
พล.ต.ต.ณัฐกร ประภายนต์ รอง ผบช.สตม. เปิดเผยว่า มีผู้เสียหายร้องเรียนมาว่า มีเจ้าหน้าที่ของรัฐเข้าไปของสนับสนุนเกี่ยวกับเรื่องงานกุศลต่างๆ เกี่ยวกับงานเลี้ยง เมื่อมาตรวจสอบก็พบว่าเกิดขึ้นหลายจังหวัดหลายพื้นที่ ส่วนใหญ่ในพื้นที่ในเมืองท่องเที่ยว เกาะสมุย เกาะพะงัน ภูเก็ต พัทยา จึงได้ทำการตรวจสอบบัญชีที่ผู้ประกอบการโอนเงินให้บัญชีปลายทาง ก็พบและนำตัวมาตรวจสอบ ก็ทราบว่าผู้ต้องหาทั้ง 2 คนเป็นคนโทรหาผู้ประกอบการโรงแรม ผู้ประกอบการต่างๆ เพื่อของบประมาณในการจัดงานเลี้ยง กิจกรรมต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นเทศกาลปีใหม่ สงกรานต์ และงานต่างๆ ซึ่งทางโรงแรมและผู้ประกอบการก็หลงเชื่อ ว่าเป็นหน่วยงานราชการต่างๆ ก็ให้ไปในการสนับสนุนกิจกรรมต่างๆ ของหน่วยงานราชการ แต่การตรวจสอบจริงๆแล้ว หน่วยงานที่ถูกอ้างอิงไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้อง เป็นการขอส่วนตัวของผู้ต้องหาเอง
ซึ่งนโยบายของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ หน่วยงานของตำรวจเอง ไม่มีการที่จะไปสร้างภาระไม่ว่าจะเป็นงานเลี้ยงใดๆต่าง จะไม่มีการไปขอการสนับสนุนของภาคธุรกิจ หรือผู้ประกอบการต่างๆ เราเข้าใจดีว่าปัจจุบันธุรกิจค่อนข้างแย่นักท่องเที่ยวจีนหายไป ต่างชาติหายไป เพราะฉะนั้นต้นทุนกิจการก็ต้องเพิ่มสูงขึ้น ฉะนั้นก็จะไม่มีการไปสร้างภาระในส่วนนี้เลย
พล.ต.ต.ณัฐกร ประภายนต์ รอง ผบช.สตม ยังกล่าวต่ออีกว่า ยังมีหน่วยงานศุลกากร สรรพสามิตหลายส่วน ฝากถึงผู้เสียหาย ลักษณะคล้ายๆคอลเซ็นเตอร์ ไม่เชื่อ ไม่รีบ ไม่โอน หลักการเดียวกัน ถ้าได้รับโทรศัพท์ให้เช็คหน่วยงานที่ถูกอ้า ซึ่งทุกหน่วยงานมีเซ็นเตอร์อยู่แล้ว สุดท้ายก็ขอเบอร์ขอรายละเอียดไว้ และนำมาโรงพักใกล้บ้าน หรือโทร 191 เพื่อตรวจสอบว่าเบอร์ดังกล่าวเป็นเบอร์หรือบัญชีของใคร จะได้ความชัดเจน ถ้าเราไม่รีบโอนไป ตนคิดว่าทำไม่ได้ อย่างผู้ประกอบการรายหนึ่ง บอกว่าถ้าจะเอาให้มาเอาเลย จึงทำให้มิจฉาชีพก็ไม่กล้ามารับ กลัวถูกดำเนินคดี ความเสียหายรวมๆแล้วก็หลักล้าน แต่จะได้รายละตั้งแต่ 5,000 -20,000 แต่จำนวนปริมาณมาก บัญชีก็เป็นบัญชีม้า รอง ผบช.สตม.กล่าว
สำหรับนายสุชาติ หรือหนุ่ม ผู้ต้องหารายนี้ ประวัติไม่ธรรมดาปี 2561 ตำรวจท่องเที่ยวเมืองพัทยา นำหมายศาลจังหวัดพัทยา ที่ 443/2561 ข้อหาจับกุมในคดีฉ้อโกงทรัพย์โดยแสดงตัวเป็นผู้อื่น ในปีเดียวกัน ตำรวจภูธรจังหวัดภูเก็ต จับกุม นายสุชาติ ความผิดฐานฉ้อโกงทรัพย์ โดยแสดงตนเป็นบุคคลอื่น ตามหมายจับศาลจังหวัดภูเก็ต ที่ 456/2561 และผู้ต้องหารายนี้ถูกดำเนินคดีในข้อกล่าหา ฉ้อโกงทรัพย์โดยแสดงตัวเป็นผู้อื่น มาแล้วหลายครั้ง พ้นโทษออกมา ก็จะก่อเหตุในลักษณะซ้ำๆซากแบบไม่เข็ดหลาบ
ล่าสุดในวันเดียวกัน ทาง พนักงานสอบสวน สภ.เกาะพะงัน หลังจากสอบปากคำผู้เสียหายกว่า 20 ปาก ในพี้นที่เกาะพะงัน จากนั้นได้นำตัว นายสุชาติ ผู้ต้องหา พร้อม น.ส.สุพัตรา ภรรยา ที่ทั้งคู่ตกเป็นผู้ต้องหา นำตัวลงเรือจากกเกาะพะงัน เพื่อนำตัวผู้ต้องหาฝากขังศาลจังหวัดเกาะสมุย ต่อไป