นครศรีธรรมราช – ชาวบ้านในตำบลกำโลน อ.ลานสกา จ.นครศรีธรรมราช สุดทนโครงการโรงไฟฟ้าพลังน้ำชุมชนบ้านคีรีวง สร้างมากว่า 15 ปีในงบ 20 ล้านบาทไม่เคยใช้งาน แต่มีงบซ่อมบำรุงแทบทุกปี แนะรื้อถอนคืนพื้นที่ให้ชาวบ้านใช้ประโยชน์ในชุมชนเช่นเดิม
วันนี้ (15 มิ.ย.) ที่หมู่ 10 ต.กำโลน อ.ลานสกา จ.นครศรีธรรมราช ชาวบ้านได้นำผู้สื่อข่าวเข้าตรวจสอบอาคารโรงไฟฟ้าพลังน้ำชุมชน “โครงการคีรีวง” ริมธารน้ำตกบ้านคีรีธรรม หลังจากยืนยันว่าโรงไฟฟ้าแห่งนี้ถูกสร้างด้วยงบประมาณไม่น้อยกว่า 20 ล้านบาท และถูกทิ้งไว้ไม่ได้ใช้งานมาแล้วราว 15 ปี ชาวบ้านในชุมชนไม่เคยได้รับประโยชน์ แต่กลับมีการซ่อมบำรุงแทบทุกปีด้วยงบประมาณนับล้านเช่นกัน
อาคารแห่งนี้พบว่าถูกก่อสร้างเป็นโรงไฟฟ้าขนาดเล็ก ถูกปิดล็อกประตู สามารถมองทะลุผ่านกระจกเข้าไปภายในได้ ภายในมีเครื่องกำเนิดไฟฟ้าขนาดเล็กประมาณ 66.5 กิโลวัตต์ จำนวน 1 เครื่อง มีท่อส่งน้ำเข้าเครื่องปั่นกระแส 1 เส้นท่อ พร้อมตู้ควบคุม แต่ไม่มีร่องรอยของการใช้งาน มีป้ายระบุทางเข้าว่าเป็นโครงการของกรมพลังงงานทดแทนและอนุรักษ์พลังงาน กระทรวงพลังงาน ส่วนป้ายหน้าอาคารระบุ “โรงไฟฟ้าพลังน้ำชุมชนบ้านคีรีวง”
นายทิมากร ไชยบุญ ชาวบ้านในพื้นที่ ผู้นำกลุ่มอาชีพผ้าลายเทียน ระบุว่า โครงการนี้สร้างมาแล้ว 15 ปี โดยได้รับที่ดินบริจาคจากคนในพื้นที่ โดยอ้างว่าเมื่อสร้างแล้วชุมชนจะได้ประโยชน์ แต่ตลอด 15 ปีไม่เคยได้ใช้จริง ชุมชนไม่เคยได้ประโยชน์ใด ๆ แต่มีค่าใช้จ่ายในการซ่อมแซมกันอย่างต่อเนื่อง เห็นว่าเมื่อไม่เคยใช้ได้จริงไม่ควรเก็บไว้ ควรรื้อเอาอุปกรณ์ทั้งหมดออกไปและคืนพื้นที่ให้ชาวบ้าน ส่วนตัวอาคารนั้นขอให้เก็บไว้เนื่องจากแต่เดิมมีอาคารของชาวบ้านสร้างไว้เพื่อใช้ร่วมกัน ก่อนที่กระทรวงพลังงา
ขณะเดียวกัน นายวุฒิพงศ์ อภิชนบุตร ผู้แทนกรมพลังงานทดแทนและอนุรักษ์พลังงาน กระทรวงพลังงาน และผู้นำชุมชน ได้นัดหมายชาวชุมชนคีรีวงมาร่วมหารือกันที่อาคารศูนย์กลางชุมชน เพื่อรับฟังความเห็น หลังจากที่กรมมีโครงการปรับปรุงท่อส่งน้ำและอาคารประกอบ สำหรับโครงการนี้อีกครั้งโดยไม่ได้เปิดเผยวงเงินโครงการ ซึ่งปัจจุบันนั้นได้มีบริษัทผู้รับจ้างเข้าประมูลรับเหมาโครงการแล้ว
ขณะที่ตัวแทนชาวบ้านได้สอบถามถึงการใช้ประโยชน์ของโครงการ ซึ่งตลอดกว่า 10 ปีที่ผ่านมาชาวบ้านไม่เคยได้รับประโยชน์ แต่ผู้ที่ได้ประโยชน์คือข้าราชการและผู้รับเหมาที่มีงบประมาณมาซ่อมแซมกันแทบทุกปี ไม่เหมือนกับตอนก่อนสร้างโครงการที่มีการยืนยันว่าชุมชนจะได้ประโยชน์ แต่ไม่เคยเกิดขึ้นจริง ดังนั้นจึงไม่มีความจำเป็นในการซ่อมแซมอีกแล้ว เนื่องจากจะต้องมีการขุดรื้อถนนในการซ่อมบำรุง ส่งผลกระทบกับเส้นทางการขนส่งผลผลิตของชาวบ้าน ที่ผ่านมาช่วงที่มีความเสียหายเกิดขึ้นเจ้าของโครงการไม่เคยดูแล ชาวบ้านต้องลงขันซ่อมถนนกันเอง
ขณะที่ นายธรรมธร ศรีภักดี หัวหน้าโครงการโรงไฟฟ้าพลังน้ำ ระบุว่า หากความเห็นในฐานะชาวบ้านนั้นยอมรับว่าไม่เคยได้ประโยชน์ แต่ถ้าในหลักการเหตุผลของทางราชการเมื่อมีทรัพย์สินเกิดขึ้นซึ่งเป็นของทางราชการ หากไม่ดูแลบำรุงรักษาจะผิดอีก และหากไม่ให้มีการดำเนินการทางราชการอาจถูกบริษัทเอกชนฟ้องร้องค่าเสียหายได้อีก
อย่างไรก็ตามภายหลังชาวบ้านทุกคนได้แสดงความเห็นไปในทิศทางเดียวกันคือ การปฏิเสธไม่ยอมรับโครงการอีกแล้ว และไม่ยอมรับโครงการซ่อมแซมที่จะมีการดำเนินการ มติของตัวแทนชุมชนเป็นไปโดยเอกฉันท์
