ศูนย์ข่าวหาดใหญ่ – เจ้าหน้าที่่ฝ่ายความมั่นคงเข้าตรวจสอบโดรน 2 ลำที่ถูกนำมาฝังดินไว้ใกล้แนวชายแดนไทยมาเลเซีย คาดเป็นโดรนที่นำมาใช้ขนยาเสพติดข้ามพรมแดน เร่งหาเบาะแสผู้ที่เอาโดรนมาฝังและผู้ที่เกี่ยวข้อง
วันนี้ (13 มิ.ย.) ความคืบหน้าเหตุการณ์พบโดรนขนาดใหญ่สองลำถูกนำไปฝังดินไว้บริเวณชายป่าริมถนนมอเตอร์เวย์ เส้นทางไปด่านศุลกากรแห่งใหม่สะเดา พื้นที่หมู่ 2 ต.สำนักขาม อ.สะเดา จ.สงขลา ห่างจากเขตแนวชายแดนไทย-มาเลเซียกราว 2 กม. โดยชาวบ้านที่เลี้ยงวัวไปพบหลุมต้องสงสัยที่ขุดฝังกลบใหม่ ๆ จึงแจ้งให้ทางผู้ใหญ่บ้านทราบเพราะสงสัยว่าอาจเป็นหลุมศพหรือว่าหลุมสำหรับซุกซ่อนยาเสพติด เบื้องต้นคาดว่าอาจจะเป็นโดรนที่ถูกใช้ขนสิ่งของผิดกฎหมาย เช่น ยาเสพติด ข้ามพรมแดนไทย-มาเลเซีย
ล่าสุด เจ้าหน้าที่จากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องและฝ่ายความมั่นคง ทั้งจากศูนย์พิสูจน์หลักฐาน ชุดเก็บกู้วัตถุระเบิดหรืออีโอดีของกองกำกับการ 9 กองบังคับการฝึกพิเศษ ค่ายท่านมุก ร่วมกับทหารหน่วยเฉพาะกิจกรมทหารราบที่ 5 ทหารจากศูนย์ฝึกยุทธวิธี อ.นาทวี มณฑลทหารบกที่ 42 ฝ่ายปกครองอำเภอสะเดา ตำรวจภูธรสะเดา ร่วมกันลงพื้นที่เข้าไปตรวจสอบโดรนทั้ง 2 ลำ ที่ถูกฝังดินไว้ที่จุดเกิดเหตุอย่างละเอียดอีกครั้ง โดยบริเวณหลุมพบถุงมือ ซองบุหรี่ และขวดน้ำ ซึ่งคาดว่าเป็นของกลุ่มคนที่มาขุดหลุมฝังโดรนทั้ง 2 ลำ
ทางเจ้าหน้าที่ศูนย์พิสูจน์หลักฐานและชุดอีโอดี ได้ทำการเก็บวัตถุพยานและหลักฐานทางนิติวิทยาศาสตร์เพื่อไปตรวจหาดีเอ็นเอไว้เป็นพยานหลักฐาน และจากการตรวจสอบตัวเครื่องของโดรนทั้ง 2 ลำ พบว่าถูกขูดหมายเลขเครื่องออก โดยสมรรถนะของโดรนทั้ง 2 ลำ สามารถบินได้นาน 40-45 นาที ใช้ขนของหนักได้ราว 20-30 กิโลกรัม และบินได้ไกล 10-20 กิโลเมตร
ซึ่งดูจากรูปการณ์แล้วน่าจะใช้เป็นโดรนสำหรับลำเลียงยาเสพติด โดยลำใหญ่ใช้ขนของ ส่วนลำเล็กน่าจะใช้สำรวจเส้นทาง สอดคล้องกับการลงพื้นที่หาข่าวสารจากชาวบ้านในพื้นที่ ซึ่งพบเห็นโดรนบินข้ามไปมาระหว่างแนวพรมแดนไทยกับมาเลเซียมาสักพัก โดยจะบินในช่วงเช้าและช่วงเย็น
ขณะนี้เจ้าหน้าที่ตำรวจและฝ่ายความมั่นคงในพื้นที่ชายแดนไทยมาเลเซียกำลังเร่งหาเบาะแสของผู้ที่นำโดรนทั้งสองลำมาฝังดินไว้ เพื่อเรียกตัวมาสอบสวนแต่เชื่อว่าถูกนำมาใช้ทางผิดกฎหมายอย่างแน่นอน