กระบี่ - จนท.บังคับคดี เข้ารื้อถอนเพิกพัก ตามคำสั่งศาล ในที่ดินพิพาท หลังกลุ่มเรียกร้องทำกิน ดื้อไม่ยอมออกจากพื้นที่ ขณะชาวบ้าน ยืนยันยังอยู่ในขั้นตอนการโต้แย้งสิทธิ์ แม้ว่าทางผู้ครอบครองจะอ้างว่ามีเอกสารสิทธิ์ก็ตาม
สำนักงานบังคับคดีจังหวัดกระบี่ ได้ดำเนินการบังคับคดี ในที่ดินพิพาท ตามหมายบังคับคดี ในคดีแพ่งของศาลจังหวัดกระบี่ คดีหมายเลขแดงที่ กฟย 10/2568 ในพื้นที่ หมู่ที่ 11 ต.ปลายพระยา อ.ปลายพระยา จ.กระบี่ โดยบูรณาการกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจภูธรจังหวัดกระบี่ สถานีตำรวจภูธรปลายพระยา และฝ่ายปกครองอำเภอปลายพระยา ประมาณ 30 นาย นำโดย พ.ต.อ.สุขเกษม นครวิลัย รอง ผบก.ภ.จว.กระบี่ รรท.ผกก.สภ.ปลายพระยา
เมื่อเจ้าหน้าที่ไปถึงพบว่า พื้นที่พิพาทดังกล่าว มีการปลูกปาล์มน้ำมันและยางพารา ได้มีกลุ่มชาวบ้าน กว่า 30 คน ใช้ชื่อกลุ่มว่าคนไทยไร้ที่ดินทำกิน สร้างเพิงพักหลายสิบหลัง เป็นที่อาศัยชั่วคราว เพื่อเรียกร้องให้ทางเจ้าหน้าที่รัฐเข้ามาตรวจสอบการถือครองที่ดิน เนื่องจากพบว่าที่ดินพิพาท อยู่ในเขตนิคมสหกรณ์ฯโดยมีนายทุนใช้ชาวบ้าน เป็นนอมินีถือครองแทน เนื้อที่ประมาณ 49 ไร่ 3 งานเศษ
ทางเจ้าหน้าที่ จึงได้ให้ทางตัวแทนเจ้าของที่ดิน ซึ่งได้นำคนงานเข้ามา กว่า 20 คน เข้าทำการรื้อถอน โดยมีกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจ และฝ่ายปกครอง คอยดูแลความสงบเรียบร้อย เบื้องต้นตัวแทนกลุ่มชาวบ้าน ได้ชี้แจงว่า พื้นที่ ที่เจ้าหน้าที่เข้าการรื้อถอนไม่ใช่พื้นที่พิพาท แต่ทางตัวแทนเจ้าของที่ดิน ได้บอกว่าเจ้าหน้าที่ว่า รื้อเลยผมรับผิดชอบเอง โดยชาวบ้านได้แต่เก็บข้าวของออกจากทีาพัก และไม่ได้มีการขัดขวางการปฏิบัติหน้าที่ของเจ้าหน้าที่แต่อย่างใด โดยเจ้าหน้าที่ได้ใช้เวลาในการรื้อถอนนานกว่า 5 ชั่วโมง
ด้านนายสุมนตรี สุขดำ นายกสมาคมคนไทยไร้ที่ดินทำกิน ให้ข้อมูลว่า สำหรับพื้นที่พิพาทยังอยู่ในขั้นตอนการโต้แย้งสิทธิ์ ถึงแม้ว่าทางผู้ครอบครองจะอ้างว่ามีเอกสารสิทธิ์ถือครองก็ตาม รวมเนื้อที่ว่า 3,000 ไร่ ซึ่งอยู่ในเขตนิคมสหกรณ์ มีเอกสารสิทธิ์ กว่า 1,500 ไร่ และไม่มีเอกสารสิทธิ์ อีกกว่า 1,000 ไร่ ซึ่งทาวกลุ่มได้มีการยื่นต่อศาลขอทุเลาการบังคับคดี ในระหว่างอุทธรณ์ แต่ก็ไม่ทราบว่าวันนี้เกิดอะไรขึ้น ได้มีเจ้าหน้าที่เข้ามาทำการรื้อถอนเพิงพัก และไล่ชาวบ้านออกจากพื้นที่ ซึ่งหลังจากนี้จะมีการพูดคุยกับสมาชิกของกลุ่มเพื่อเดินหน้าเรียกร้องที่ดินทำกินให้กับคนจนไม่มีที่ดินทำกินต่อไป
ขณะที่ผู้สื่อข่าว ตั้งข้อสังเกตว่า ตามหมายบังคับคดี เนื่อที่ประมาณ 49 ไร่เศษ มีชื่อบุคคลเป็นผู้ถือครอง แต่คนงานที่เข้ามาทำการรื้อถอนบอกว่าพื้นที่แห่งนี้เป็นของบริษัทฯ ถือครองอยู่ เท่ากับว่า บริษัทฯ ให้คนอื่นถือครองอยู่ก็หรือไม่ และ ใช้เจ้าหน้าที่รัฐเป็นเครื่องมือในขบวนการรื้อถอนขับไล่ชาวบ้านให้พ้นพื้นที่