ศูนย์ข่าวภาคใต้ - "ชัยชนะ" โพสต์เฟซบุ๊กนำ กมธ.ตำรวจดูงานฮ่องกง-มาเก๊า แลกเปลี่ยนเรื่องการตรวจสอบเรื่องการพนัน-ฟอกเงิน-อาชญากรรมไซเบอร์ ชี้เป็นประเด็นเชื่อมโยงกับนโยบายเอนเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์ ของรัฐบาล
วันนี้ (11 มิ.ย.) ในขณะที่นายพิชิตชัย เดชเดโช ส.อบจ.นครศรีธรรมราช เขตร่อนพิบูลย์ น้องชายนายชัยชนะ เดชเดโช สส.นครศรีธรรมราช เขต 5 พรรคประชาธิปัตย์ ได้เข้ามอบตัวกับตำรวจ สภ.ร่อนพิบูลย์ จ.นครศรีธรรมราช ในคดีทำร้ายร่างกายนักธุรกิจ ไปแล้วเมื่อวันที่ 9 มิ.ย.
ด้านนายชัยชนะ หนึ่งในผู้ถูกกล่าวหาในคดีนี้ ได้โพสต์ในเฟซบุ๊ก “ส.ส.แทน” ในฐานะประธานคณะกรรมาธิการการตำรวจ สภาผู้แทนราษฎร ระบุถึงการดูงานของ กมธ.การตำรวจระหว่างวันที่ 9-12 มิถุนายน 2568 เพื่อเรียนรู้ประสบการณ์จากมาเก๊าและฮ่องกง เป็นวันที่ 2 ที่เขตบริหารพิเศษมาเก๊าและเขตบริหารพิเศษฮ่องกง สาธารณรัฐประชาชนจีน โดยระบุว่า ได้เข้าศึกษาดูงาน ณ กองบัญชาการตำรวจฮ่องกง (Hong Kong Police Force : HKPF) เขตบริหารพิเศษฮ่องกง เพื่อพบปะหารือและสนทนาแลกเปลี่ยนความคิดเห็นกับคณะผู้บริหาร ในเรื่องระบบการรักษาความปลอดภัย และความสงบเรียบร้อย การบริหารจัดการระบบงานจราจร การตรวจคนเข้าเมือง การมีส่วนร่วมของประชาชน ในกิจการตำรวจ และเรื่องอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง เช่น การปราบปรามยาเสพติด เป็นต้น การป้องกันและปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยี รวมถึงนวัตกรรมในการสืบสวน
ก่อนหน้านี้ เมื่อวันที่ 10 มิ.ย. นายชัยชนะ ได้นำคณะเดินทางศึกษาดูงาน ณ เขตบริหารพิเศษมาเก๊า โดยได้โพสต์เฟซบุ๊ก ระบุว่า ได้เข้าเยี่ยมและแลกเปลี่ยนการทำงานเชิงลึกกับ ตำรวจตุลาการ (Judiciary Police) ของมาเก๊า โดย กมธ.การตำรวจได้สนใจและแลกเปลี่ยนข้อมูลเรื่องหน้าที่ของตำรวจตุลาการมาเก๊าในการตรวจสอบอาชญากรรมที่เกี่ยวกับการพนันและกฎหมายเกี่ยวกับการฟอกเงิน ซึ่งเป็นประเด็นที่เชื่อมโยงโดยตรงกับนโยบายของรัฐบาลไทยที่กำลังพิจารณาผลักดันเอนเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์ ที่ถูกกฎหมาย ทางมาเก๊ายืนยันว่าแม้จะมีธุรกิจการพนันถูกกฎหมาย ก็ยังคงเผชิญปัญหาการฉ้อโกง เช่น การใช้ชิปปลอม หรือการบันทึกภาพด้วยโทรศัพท์ในบ่อนคาสิโน
กมธ.การตำรวจยังได้สอบถามถึงวิธีการรณรงค์เพื่อป้องกันไม่ให้เยาวชนและประชาชนเข้าไปเล่นเกมมิ่งหรือคาสิโน ซึ่งมาเก๊าแจ้งว่า มีการให้ความรู้เพื่อปลูกฝังถึงผลเสียและผลกระทบจากการเล่นคาสิโนอย่างสม่ำเสมอ รวมถึงการทำมวลชนสัมพันธ์กับประชาชนกว่า 600,000 คน ซึ่งเป็นแนวทางที่ไทยนำมาปรับใช้ได้
การศึกษาดูงานครั้งนี้ครอบคลุมหลายมิติ ตั้งแต่ระบบรักษาความปลอดภัย การจัดการจราจร การตรวจคนเข้าเมือง การป้องกันการฟอกเงินในกาสิโน การมีส่วนร่วมของประชาชนในกิจการตำรวจ ไปจนถึงการป้องกันและปราบปรามอาชญากรรมทั่วไปและอาชญากรรมทางเทคโนโลยี รวมถึงนวัตกรรมในการสืบสวน การแลกเปลี่ยนประสบการณ์ครั้งนี้ถือเป็นก้าวสำคัญที่พรรคประชาธิปัตย์และ กมธ.การตำรวจจะนำข้อมูลไปใช้ประกอบการพิจารณากฎหมายและนโยบายด้านความมั่นคงและอาชญากรรม เพื่อประโยชน์สูงสุดของประชาชนไทย