ตรัง – สมาคมผู้ประกอบการรถโดยสารสองชั้นไทยออกแถลงการณ์ลุกฮืออารยะขัดขืนเดินรถต่อ 16 มิ.ย.นี้ โวยถูกหักหลังปิดประตูไม่ให้ร่วมประชุม ด้านผู้ประกอบการใต้-เหนือ-อีสาน ประสานเสียงเดือดร้อนหนักพร้อมเคลื่อนไหวต่อ
วันนี้ (9 มิ.ย.) จากกรณีการชุมนุมประท้วงของผู้ประกอบการรถบัสโดยสาร 2 ชั้น ซึ่งชุมชุมรถบัส 2 ชั้นกว่า 100 คัน ที่บริเวณอันดามันเกตเวย์ ถนนเขาพับผ้า ตรัง-พัทลุง พร้อมยื่นหนังสือเรียกร้องขอให้ยกเลิกคำสั่ง หลังกรมการขนส่งทางบก(ขบ.) ออกประกาศห้ามรถโดยสารสาธารณะ 2 ชั้น ทั้งรถโดยสารประจำทาง และไม่ประจำทาง เดินรถใน 7 เส้นทางเสี่ยง จากนั้นได้มีผู้แทนจาก 4 ฝ่าย ประกอบด้วย รองปลัดกระทรวงคมนาคม, รองอธิบดีกรมการขนส่งทางบก, วิศวกรรมสถานแห่งประเทศไทย และนายกสมาคมผู้ประกอบการรถโดยสารสองชั้นไทย (สปส.) นำโดย นายสรพงศ์ ไพฑูรย์พงษ์ รองปลัดกระทรวงคมนาคม หัวหน้ากลุ่มภารกิจด้านการขนส่ง ลงพื้นที่ตรวจสอบถนนทางหลวงแผ่นดิน หมายเลข 4 ตอนเขาพับผ้า ตรัง-พัทลุง ซ้ำอีกครั้งแล้วนั้น
ล่าสุด นายสุริยะ แกล้วทนงค์ นายกสมาคมผู้ประกอบการรถโดยสารสองชั้นไทย (สปส.) กล่าวว่า จากการลงไปดูพื้นที่จริงร่วมกัน 4 ฝ่าย เห็นตรงกันว่าถนนลาดชัน 8 เปอร์เซ็นต์ แต่ระยะทางเพียง 1 กิโลเมตร ไม่เกิน 5 กิโลเมตร และคุยกันว่าหลังจากลงพื้นที่แล้วจะมีการประชุมเพื่อสรุปความเห็นร่วมกันในภาคบ่ายที่สนามบิน แต่เมื่อถึงเวลาพวกตนมารอประชุม แต่ปรากฎว่าทางคณะอีก 3 ฝ่ายได้แจ้งว่าจะไม่มีการประชุมร่วมกัน ทำให้พวกตนมารอเก้อ และเมื่อตัวแทนสมาคมติดตามไปที่สำนักงานขนส่งจังหวัดตรังพบว่าทั้ง 3 ฝ่ายดังกล่าวไปประชุมร่วมกันที่นั่นแล้ว และปิดประตูไม่ให้พวกตนเข้า ซึ่งก็ไม่เข้าใจว่าเกิดอะไรขึ้น แต่แสดงถึงความไม่จริงใจในการแก้ปัญหา ส่วนที่รองปลัดกระทรวงคมนาคมบอกว่าเส้นทางที่เหลืออีก 6 เส้นทางไม่มีปัญหา ผู้ประกอบการให้ความร่วมมือเป็นอย่างดี ไม่เป็นความจริง ทั้งผู้ประกอบการรถ ธุรกิจการท่องเที่ยว และผู้โดยสาร ทุกเส้นทางเดือดร้อนหมด
นายสุริยะ กล่าวว่า ดังนั้น ทางสมาคมฯ ได้มีมติร่วมกัน และออกแถลงการยกระดับการต่อสู้ด้วยการแสดงออกอารยะขัดขืน ประกาศจะเดินรถทุกเส้นทางที่ถูกห้ามพร้อมกันในวันจันทร์ที่ 16 มิ.ย. นี้เป็นต้นไป จนกว่าจะได้ข้อยุติที่เป็นธรรม และมีเหตุผลทางวิชการรองรับ โดยทางสมาคมกำหนดมาตรการความปลอดภัย 11 ข้อ เช่น ใช้ความเร็วไม่เกิน 30 กม./ชม., ใช้เกียร์ต่ำตลอดทางลาดชันห้ามเปลี่ยนเกียร์, รถ อุปกรณ์ส่วนควบพร้อมใช้งาน, ติดตั้งกล้องหน้ารถบันทึกภาพและเสียงตลอดการเดินทาง เป็นต้น แต่หากฝ่าฝืนแล้วเกิดอุบัติเหตุให้ถือเป็นความผิดส่วนบุคคล สมาคมจะไม่รับผิดชอบทั้งทางแพ่งและอาญา
“ที่อารยะขัดขืนเราไม่ใช้ท้าทายอำนาจรัฐ แต่ยืนยันเป็นสิทธิขั้นพื้นฐานในการประกอบอาชีพและคัดค้านคำสั่งที่ไม่เป็นธรรม และหากเจ้าหน้ารัฐจับกุมทางสมาคมฯพร้อมจะดำเนินคดีเจ้าหน้าที่กลับ เพราะคำสั่งดังกล่าวไม่ชอบด้วยกฎหมายตั้งแต่ต้น และไม่ได้ประกาศในราชกิจจานุเบกษา และจะเดินหน้าฟ้องศาลปกครองต่อไปด้วย นอกจากนี้ด้านผู้ประกอบรถโดยสารสองชั้นภาคเหนือและภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ก็ประกาศพร้อมเคลื่อนไหว และแสดงอารยะขัดขืนต่อคำสั่งของกรมการขนส่งทางบกเช่นกัน” นายสุริยะ กล่าว
ด้าน นายสัณฐิติ แสงทอง ผู้ประกอบการรถและนายกสมาคมสหพันธ์ท่องเที่ยวภาคเหนือ กล่าวว่า เส้นทางภาคเหนือถูกคำสั่งห้ามรวม 2 เส้นทาง คือทางหลวง หมายเลข118 ช่วงเชียงใหม่-ดอยนางแก้ว และทางหลวงหมายเลข 103 ช่วงแม่ฮ่องสอน-แม่ตีบ ซึ่งเป็นเส้นทางสามารถเชื่อมระหว่างจังหวัดภาคเหนือ หากจะวิ่งต้องอ้อมหลายร้อยกิโลเมตร ผู้ประกอบการรถให้เช่าก็ต้องตกงาน ส่วนรถโดยสารวิ่งไม่ได้ผู้โดยสารก็เดือดร้อนหนักไม่มีรถเดินทาง บางจุดห่างตัวเมืองประมาณ 50-60 กิโลเมตร บางเส้นทางแคบเหลือ 2 ช่องจราจร เสี่ยงอุบัติเหตุอย่างมาก ซึ่งทางขนส่งเคยบอกว่า รถประจำทางจะชำนาญเส้นทาง แต่พอนอกเส้นทางจะไม่ชำนาญเสี่ยงอุบัติเหตุ สถานการณ์ตอนนี้ทุกฝ่ายเดือดร้อนเป็นวงกว้าง รวมทั้งภาคการท่องเที่ยว ธุรกิจร้านค้า ร้านอาหาร รีสอร์ท ห้องพัก เหมือนเมืองปิด และปิดการท่องเที่ยวภาคเหนือด้วย
นายอาคม จันทะปลาขาว ผู้ประกอบการรถโดยสารสองชั้นภาคตะวันออกเฉียงเหนือ กล่าวว่า ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ถูกสั่งห้าม 2 เส้นทาง คือ ทางหลวงหมายเลข 304 ช่วงสี่แยกกบินทร์บุรี-วังน้ำเขียว ซึ่งเป็นถนนสายหลักที่มีทางกว้าง 4 เลนไปกลับ และช่วงระยะขึ้นเขาเป็นถนน 6 เลน ที่เชื่อมต่อกันระหว่างภาคอีสานกับภาคตะวันออก เช่น ระยอง ชลบุรี ตราด เป็นต้น ทั้งนี้ รถบัสสองชั้นโซนภาคตะวันออกมีจำนวนมากหลายร้อยคัน ขณะที่รถบัสสายภาคอีสานมีนับพันคันที่จะต้องใช้ถนนเส้นนี้ ซึ่งเมื่อใช้เส้นทาง 304 ไม่ได้ก็ต้องวิ่งอ้อมไปใช้เส้นทางช่องตะโก ซึ่งเป็นเส้นทางที่มีข่าวอุบัติเหตุบ่อยทุกวันนี้ ซึ่งที่ช่องตะโกจะเป็นเลนสวน และต้องวิ่งเลาะชายแดนเขมรไป ตอนนี้ใครจะไปเที่ยววังน้ำเขียวไม่ได้เลย เศรษฐกิจวังน้ำเขียวซบเซา ไม่มีนักท่องเที่ยวเลย มีแต่รถเล็กและรถบรรทุก เมื่อไปอีสานไม่ได้ต้องไปทางบุรีรัมย์ ช่องตะโก วัฒนานคร วกกลับขึ้นไปหาเขาหินซ้อน เพื่อที่จะไปชลบุรีและระยอง ซึ่งเป็นเส้นทางที่แย่มาก ซึ่งรถบัสขนผู้โดยสารไม่ใช้ขนสิ่งที่พูดไม่ได้ อันตรายอย่างมาก
ด้าน นายศุกฤกษ์ รัตนทิพย์ ผู้ประกอบการรถสองชั้นจังหวัดเลย กล่าวว่า ได้รับผลกระทบอย่างหนักจากการสั่งห้ามรถสองชั้นวิ่ง เส้นทางด่านซ้าย-บ่อโพธิ์ ทางหลวงหมายเลข 2013 เช่น หากลูกค้าจะไปเที่ยวเชียงใหม่หรือไปพิษณุโลก ซึ่งต้องใช้เส้นหลักด่านซ้าย-บ่อโพธิ์ แต่ตอนนี้เลี่ยงไปทางน้ำหนาว ชุมแพ หล่มสัก เขาค้อ จึงจะเข้าพิษณุโลก ค่าเช่ารถต้องบวกเพิ่มค่าน้ำมันเพิ่มอีกประมาณ 10,000 บาทต่อเที่ยว จากเดิมปกติวันละ 15,000 บาท มาเป็นวันละ 25,000 บาท แล้วแต่ทำให้ลูกค้ายกเลิกเดินทาง ส่งผลต่อการท่องเที่ยวอย่างมาก ผู้โดยสารรถประจำทางก็เดือดร้อน