ตรัง – รองปลัดคมนาคมควงสภาวิศวกรรมสถาน พร้อมตัวแทน สปส. ลงตรวจซ้ำเส้นทางเขาพับผ้า ย้ำขอ สปส.สบายใจได้เราต้องแก้ปัญหาตามที่เรียกร้อง ขณะที่ สปส.ลั่นหากผลตรวจไม่เป็นธรรม พร้อมอารยะขัดขืนเดินรถทันที
วันนี้ (8 มิ.ย.) จากกรณีการชุมนุมประท้วงของผู้ประกอบการรถบัสโดยสาร 2 ชั้น ซึ่งชุมชุมรถบัส 2 ชั้นกว่า 100 คัน ที่บริเวณอันดามันเกตเวย์ ถนนเขาพับผ้า ตรัง-พัทลุง พร้อมยื่นหนังสือเรียกร้องขอให้ยกเลิกคำสั่ง หลังกรมการขนส่งทางบก(ขบ.) ออกประกาศห้ามรถโดยสารสาธารณะ 2 ชั้น ทั้งรถโดยสารประจำทาง และไม่ประจำทาง เดินรถใน 7 เส้นทางเสี่ยง จากนั้นได้มีการประชุมตัวแทนผู้ประกอบการรสบัส 2 ชั้น กับนายสุรพงษ์ ปิยะโชติ รมช.คมนาคม และตัวแทนกรมการขนส่งฯ โดยที่ประชุมมีมติตั้งคณะกรรมการร่วมตรวจสอบข้อเท็จจริง และเร่งลงพื้นที่สำรวจความเสี่ยงของเส้นทางร่วมกันใหม่อีกครั้ง หากไม่เข้าเกณฑ์ความเสี่ยง จะมีการทบทวนหรือยกเลิกประกาศต่อไป
ล่าสุด นายสรพงศ์ ไพฑูรย์พงษ์ รองปลัดกระทรวงคมนาคม หัวหน้ากลุ่มภารกิจด้านการขนส่ง และคณะ ลงพื้นที่เส้นทางเขาพับผ้าตรัง-พัทลุง เพื่อดูสภาพเส้นทาง โดยมีผู้แทนจาก 4 ฝ่าย ประกอบด้วย รองปลัดกระทรวงคมนาคม, รองอธิบดีกรมการขนส่งทางบก, วิศวกรรมสถานแห่งประเทศไทย และนายกสมาคมผู้ประกอบการรถโดยสารสองชั้นไทย (สปส.) ร่วมลงพื้นที่เพื่อพิสูจน์เกณฑ์ความลาดเอียดและระยะทางเสี่ยง โดยฝ่าย สปส. ยืนยันเป็นเส้นทางที่ไม่เข้าเกณฑ์การออกประกาศห้าม เนื่องจากแม้จะมีบางช่วงที่ลาดชันเกิน 8 เปอร์เซ็นต์ ระยะทางไม่เกิน 1 กม. ไม่มีช่วงที่ลาดชันยาวต่อเนื่องเกินกว่า 5 กม.
นายสรพงศ์ ไพฑูรย์พงษ์ รองปลัดกระทรวงคมนาคม หัวหน้ากลุ่มภารกิจด้านการขนส่ง กล่าวว่า เป็นการตรวจสอบสภาพความปลอดภัยของพื้นที่ ซึ่งข้อมูลที่เราได้รับเป็นข้อมูลจากส่วนกลาง จึงต้องลงพื้นที่ให้เห็นภาพของสิ่งอำนวยความสะดวก ความปลอดภัย เพื่อหามาตรการอย่างอื่นได้หรือไม่อย่างไร เป็นการหารือร่วมกันของหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทั้งหมด อยากให้ทางสมาคมฯ สบายใจว่าเราต้องการแก้ปัญหาตามที่สมาคมฯ เรียกร้องมา
อย่างไรก็ตามสิ่งที่ออกมาเป็นนโยบาย ก็มีจุดประสงค์เพื่อความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินของพี่น้องผู้โดยสารรถทั้งประเทศ ไม่ได้เป็นการเลือกปฏิบัติ การดำเนินการทั้งหมดก็เพื่อสร้างความมั่นใจให้ผู้โดยสารที่จะต้องเดินทางได้รับประโยชน์สูงสุด และเราต้องตรวจสอบดูถึงเรื่องผลกระทบต่าง ๆ ของผู้ประกอบการที่เรียกร้องมา เราพยายามหาเพิ่มมาตรการกำกับความปลอดภัยในบางเรื่อง
การลงพื้นที่ครั้งนี้มีตัวแทนจากสภาวิศวกรรมมาด้วย ซึ่งทำหน้าที่เป็นคนกลาง เพื่อพิจารณาในข้อเท็จจริงต่าง ๆ ส่วนอำนาจของการพิจารณาเป็นเรื่องของคณะกรรมการขนส่งทางบกกลาง ซึ่งตนจะรับข้อเสนอในพื้นที่ไปหารือกับคณะกรรมการฯ ต่อไป ส่วนประเด็นที่ผู้ประกอบการจะฟ้องศาลปกครองนั้น เป็นเรื่องระหว่างรัฐกับประชาชนที่สามารถแสดงหาความยุติธรรมได้
“จากการดูสภาพพื้นทางฝั่งจังหวัดพัทลุงหากวิ่งจากจังหวัดตรังพบมีความลาดชัน 8 เปอร์เซ็นต์ จำนวน 4 จุด และ ความลาดชัน 9.6 เปอร์เซ็นต์ จำนวน 2 จุด แต่ไม่มีป้าย 9.6 เปอร์เซ็นต์ เนื่องจากคิดเป็นค่าเฉลี่ยที่ 8 เปอร์เซ็นต์ โดยพื้นที่ในฝั่งพัทลุงเป็นทางลาดชันขึ้นลง ลงแล้วก็ขึ้น แม้จะมีจุดที่น่ากลัวที่ความชัน 9.6 เปอร์เซ็นต์ แต่ยังมีไหล่ทางที่กว้างและสภาพถนนดีมาก” นายสรพงษ์ กล่าว
ด้าน นายสุริยะ แกล้วทนงค์ นายกสมาคมผู้ประกอบการรถโดยสารสองชั้นไทย (สปส.) กล่าวว่า เรื่องของความปลอดภัยของผู้โดยสารนั้น การแก้ปัญหาไม่ใช่ห้ามรถวิ่งเสียทีเดียว เพราะมีอีกหลายวิธีที่สามารถดำเนินการได้ เพราะต้นเหตุของอุบัติเหตุทั้งหมดมาจากการใช้ความเร็วเกินกว่าที่กฎหมายกำหนด เราสามารถเลือกจำกัดความเร็วต่ำได้ มองว่าการแก้ปัญหาด้วยการห้ามรถวิ่งไม่ได้มาจากการศึกษาข้อมูลที่แท้จริง หากยังยืนกรานจะแก้ปัญหาด้วยวิธีนี้ก็จะเกิดผลกระทบเป็นวงกว้าง
ส่วนเรื่องของการฟ้องสารปกครองจะเริ่มดำเนินการในสัปดาห์หน้า ส่วนกฎเกณฑ์ความลาดชัน 8 เปอร์เซ็นต์ ยาวต่อเนื่อง 5 กม. ตนมั่นใจว่าเส้นทางของพับผ้าไม่ยาวต่อเนื่องตามเกณฑ์ห้าม เพราะได้ไปดูข้อมูลกายภาพมาแล้ว ส่วนประเด็นความลาดชัน 9.6 กิโลกรัมเมตร ก็ไม่มีผลเช่นกันเพราะไม่ได้ยาวต่อเนื่อง 5 กม. การสำรวจใหม่ครั้งนี้ฝ่าย สปส.เป็นคนร้องขอให้มีตัวแทนจากสภาวิศวกรรมมาร่วมด้วย เพราะเชื่อมั่นในจรรยาบรรณของวิศวกร และน่าจะให้ผลตามข้อเท็จจริง ทั้งนี้หากกฎเกณฑ์ที่เกิดขึ้นไม่เป็นธรรมและไม่ถูกต้อง เราจะทำการอารยะขัดขืนด้วยการเดินรถต่อไป