ชุมพร - แม่เฒ่าวัย 74 ปี ร้องสื่อถูกแรงงานพม่าเถื่อน ขับรถ จยย. ชนขาหักสองท่อน ช่วยตัวเองไม่ได้ เดือดร้อนหนัก นายจ้างก็ไม่รับผิดชอบ ยังต้องดูแลลูกชายที่ป่วยติดเตียงขาแขนอ่อนแรง จากผลข้างเคียงฉีดวัคซีนป้องกันโควิด นอนพักอาศัยอยู่ในบ้านเช่า ไร้การเหลียวแล
วันนี้ ( 7 มิ.ย.68) ผู้สื่อข่าวได้รับการร้องเรียนขอความช่วยเหลือจาก ป้าแต๋ว กลิ่นอบเชย อายุ 74 ปี อยู่บ้านเลขที่ 400/12 ซอย สมัครใจราษฎร์ 8 หมู่ที่ 5 ตำบลนาโพธิ์ อ.สวี จ.ชุมพร ว่าถูกรถจักรยานยนต์ชนจนขาหักไม่สมารถประกอบอาชีพเลี้ยงตัวเอง และยังต้องเลี้ยงดูลูกชายที่ป่วยติดเตียงอีก 1 คน คือ นายภาณุพงศ์ แก้วเพชรอายุ 44 ปี ป่วยพิการจากผลข้างเคียงตอนฉีดวัคซีนป้องกันโควิด-19 เมื่อ 4 ปีที่ผ่านมา จนกล้ามเนื้ออ่อนแรง นอนป่วยติดเตียงมาถึงทุกวันนี้
โดยปกติ "ป้าแต๋ว" วัย 74 ปี มีรายได้จากอาชีพทำขนมไทยส่งขายให้กับร้านค้าในละแวกใกล้บ้าน แต่มาเกิดอุบัติเหตุถูกแรงงานต่างด้าวชาวเมียนมาขับรถ จยย.ชน จนไม่สามารถออกไปทำมาหากินได้ตามปกติ ทำให้ต้องมีรายจ่ายเพิ่มเติมขึ้นมาอีก เช่นตนต้องใช้ผ้าอ้อมสำเร็จรูป เพราะตนไม่สามารถลุกขึ้นเข้าห้องน้ำได้ และยังมีของลูกชายที่ป่วยติดเตียงมานานกว่า 4 ปี อีก 1 คน จึงต้องร้องสื่อขอความช่วยเหลือและขอเป็นธรรม เพราะไม่รู้จะไปพึ่งพาใคร หลังถูกรถ จยย.แรงงานพม่าชน ก็ไม่เคยหน่วยงานใดที่รับผิดชอบเข้ามาดูแลช่วยเหลือ
"ป้าแต๋ว" เล่าว่า ตนเองโดนรถจยย.ชน เมื่อวันที่ 23 พฤษภาคม 2568 จนขาหักสองท่อนไม่สามารถออกไปทำมาหากินได้ ไม่มีรายได้ที่จะใช้จ่ายและเสียค่าเช่าอาศัยห้องอยู่เดือนละ 1,700 บาท ซึ่งเดือนนี้ก็ยังไม่มีเงินไปจ่ายค่าเช่าห้อง รายได้หลักที่ทำขนมไปฝากร้านขายเลี้ยงชีพก็ทำไม่ได้แล้ว ส่วนลูกสาวหลานสาวก็ไปมีครอบครัวและทุกคนก็มีความเป็นอยู่ลำบากทำงานหาเช้ากินค่ำเช่นเดียวกัน แต่ทุกคนก็ยังพอมีเวลาพาตนไปโรงพยาบาลเพื่อทำการรักษาตัวตามหมอนัด
ด้าน นางสาวพรทิพย์ โสวรรณะ อายุ 51 ปี ลูกสาวป้าแต๋ว ซึ่งคอยมาดูแลแม่ เล่าว่าคู่กรณีที่ขับรถชนแม่ตนเป็นแรงงานชาวเมียนมา ซึ่งไม่ได้ทำงานอยู่กับนายจ้างคนเดิม แต่มาทำงานกับนายจ้างคนใหม่ ซึ่งพม่าคนดังกล่าวไม่ได้รับผิดชอบใดๆเลย ส่วนนายจ้างคนใหม่ของชาวเมียนมา ก็ได้แต่ชำระค่ารักษาอย่างเดียวโดยจ่ายผ่านแอพือถือเพียงแค่ค่าล้างแผล ค่ายา ตามหมอนัดไปโรงพยาบาลเท่านั้น ส่วนค่าอาหารค่ากินค่าชดเชยเยียวยาและอื่นๆไม่รับผิดชอบ ตอนนี้ทำให้ทั้งแม่และน้องชายกลายเป็นคนป่วยติดเตียงทั้ง 2 คน ส่วนลูกๆหลานๆก็ต้องคอยผลัดกันแวะเวียนมาดูแล ซึ่งทุกคนก็ต้องทำงานเพราะมีฐานะยากจน ต้องทิ้งงานขาดรายได้ที่จะใช้จ่ายในครอบครัว
นางสาวพรทิพย์ กล่าวต่อว่า แม่มีอาชีพทำขนมขายโดยนำไปส่งที่ร้านค้า ช่วงวันเกิดเหตุเป็นตอนเช้ามืดประมาณตีห้ากว่า แม่ได้ลากรถเข็นออกไปส่งขมนตามร้านค้าเหมือนปกติทุกวัน แต่ตอนขากลับบ้านขณะลากรถเข็นข้ามถนนได้มีแรงงานพม่าขับรถ จยย.มาด้วยความเร็วสูง พุ่งชนแม่ตนอย่างจังจนล้มทั้งยืนขาหักสองท่อน ต่อมานายจ้างของแรงงานพม่ามาบอกว่า บัตรแรงงานต่างด้าวของพม่าคนที่ก่อเหตุเป็นชื่อของนายจ้างคนเก่า และจะรับผิดชอบได้แค่ค่ารักษาพยาบาลเท่านั้น ส่วนค่าเยียวยาเขาไม่ช่วยเหลือเลย จึงวิงวอนผ่านสื่อขอให้หน่วยงานเกี่ยวข้องเข้ามาช่วยเหลือหน่อย เรื่องการรักษาพยาบาลที่ดีขึ้น และค่าเยี่ยวยาต่างๆ ในวันที่ 25 มิถุนายนนี้ หมอก็นัดไปล้างแผล และเอ็กซเรย์เพื่อดูอาการอีกครั้ง
" ส่วนน้องชายที่ป่วยติดเตียงนั้นตอนแรกเป็นเส้นเลือดแตก ได้รักษาทำกายภาพอาการดีขึ้นสามารถลุกขึ้นมาเดินเหินเดินได้แล้ว จนต่อมาได้ไปฉีดวัคซีนป้องกันโควิด-19 เข็มที่สอง หลังจากนั้นก็มีอาการแขนขาอ่อนแรง จนกลายเป็นผู้ป่วยติดเตียงมาจนถึงทุกวันนี้ก็นานกว่า 4 ปีแล้ว อยากฝากถึงหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้ามาดูแลให้ความช่วยเหลื่อกันบ้าง เพราะพวกตนเองก็ต้องทำงานหาเช้ากินค่ำ อยูกันอย่่งลำบากมาก ซึงต้องทิ้งงานมาดูแลแม่และน้องชายที่ป่วยติดเตียงอีก " นางสาวพรทิพย์กล่าว
ด้าน พ.ต.อ.วิษณุ สุระวดี ผกก.สวี เปิดเผยว่า สำหรับคดีนี้ความคืบหน้าในส่วนของเจ้าหน้าที่ตำรวจประสานกับคู่กรณีซึ่งเป็นแรงงานชาวพม่าและประสานกับนายจ้างทราบว่าเป็นเจ้าของร้านอาหาร เข้ามาช่วยดูแลเรื่องค่าใช้จ่ายค่าเสียหาย ค่าใช้จ่ายเกี่ยวกับการรักษาพยาบาลในเบื้องต้น ซึ่งปรากฎว่าต่างด้าวที่ก่อเหตุเจ้าของร้านอ้างว่าไม่ได้ทำงานอยู่ที่ร้านดังกล่าว แต่ได้มาหาภรรยาซึ่งเป็นแรงงานอยู่ที่ร้านดังกล่าว ซึ่งเบื้องต้นทางตำรวจอยู่ระหว่างการสอบสวนรวบรวมพยานหลักฐาน รอความเห็นจากแพทย์กรณีนี้เป็นกรณีที่คุณป้าขาหักจะต้องมีการดำเนินคดีข้อหาขับรถประมาทเป็นเหตุให้ผู้อื่นได้รับอันตรายสาหัส แล้วก็เรื่องของใบขับขี่ เรื่องของพรบ.ต่างๆ ซึ่งกรณีนี้ทราบว่า รถจยย.คู่กรณีที่ชนป้า ไม่มีใบขับขี่ ไม่มี พรบ.ไม่มีเอกสารใดๆเลย ในเบื้องต้นตนและตำรวจเข้าไปดูแลช่วยเหลือป้าไปก่อน ส่วนคดีความก็ว่ากันไปตามหลักฐาน