กระบี่ - กลุ่มผู้ถือหุ้นและพนักงานบริษัทกระบี่วิเศ น้ำมันปาล์มจำกัด ร้องศาล ขอคุ้มครองชั่วคราว หลังกลุ่มคนเข้าเดินเครื่องโรงงานที่ ที่อายัดไว้ อ้างเป็นการรักษาของกลางไม่ให้เสื่อมสภาพ นำน้ำมันปาล์มส่งขายต่างประเทศ สงสัยเงินเข้าใคร
วันนี้ ( 6 มิถุนายน 68) กลุ่มผู้ถือหุ้นและพนักงานบริษัทกระบี่วิเศษน้ำมันปาล์มจำกัด จำนวน 70 คน นำโดย นายปกครอง ชูศรี ประธานบริษัท พร้อมทนายความ ได้เดินทางมาบริเวณหน้าศาลจังหวัดกระบี่ ถ.เจ้าฟ้า ต.ปากน้ำ อ เมือง จ.กระบี่ เพื่อยื่นขอให้ศาลคุ้มครองชั่วคราว ระหว่างการดำเนินคดีกรรมการบริษัทกระบี่วิเศษน้ำมันปาล์มจำกัด กับกรมสอบสวนคดีพิเศษ(DSI) ซึ่งได้ทำการอายัดทรัพย์สิน รวมถึงโรงงานฯโดยกล่าวหาว่ามีส่วนในคดีทุจริตชุมนุมฯสหกรณ์ชาวสวนปาล์มกระบี่ จำกัด ของอดีตกรรมการชุมนุมสหกรณ์ชาวสวนปาล์มน้ำมันกระบี่ จำกัด
โดย ดีเอสไอ ใช้อำนาจตาม มาตรา 24 พ.ร.บ.การสอบสวนคดีพิเศษ ซึ่งเป็นของกลางในคดีพิเศษที่ 215/2565 ควบคุมสั่งหยุดการเดินเครื่องจักรกลสายการผลิตสกัดน้ำมันปาล์ม ตามอำนาจของกรมสอบสวนคดีพิเศษ เมื่อวันที่ 22 เม.ย.67 ปีที่ผ่านมาล่าสุดพบว่า เมื่อเดือนเมษายน 68 มีกลุ่มบุคคล ใช้ชื่อว่า เครือข่ายภาคประชาชน ช่วยเหลือ DSI ดูแลของกลาง อ้างว่า ได้รับอนุญาตจากพนักสอบสวนของคดีดังกล่าว เข้าดำเนินการ รับซื้อผลปาล์มน้ำมันเดินเครื่องจักรสกัดน้ำมันปาล์มส่งขายต่างประเทศ
จากนั้น เดินทางนำป้ายข้อความไปติดบริเวณหน้าโรงงานของบริษัท ที่ หมู่ 5 ตำบลคลองท่อมใต้ อำเภอคลองท่อม จังหวัดกระบี่ เข้าตรวจสอบภายในโรงงาน พบว่า มีการเดินเครื่องจักรสกัดน้ำมันปาล์ม ขนถ่ายน้ำมันปาล์มดิบ ใส่รถบรรทุกโดยตรงโดยไม่ผ่าน แท็งค์เก็บน้ำมันปาล์ม ที่ได้มีการติดตั้งมิเตอร์ตรวจสอบปริมาณ ตามกฎหมายที่กระทรวงพาณิชย์กำหนด โดยคนขับรถบรรทุกแจ้งว่า บรรทุกน้ำมันปาล์มดิบดังกล่าว ไปถ่ายลงเรือบรรทุก ที่บริเวณ บ้านทับแขก ตำบลหนองทะเล อำเภอเมืองเมืองกระบี่ เพื่อส่งขายต่างประเทศ
นายโชคดี โชติเชย ทนายความ เปิดเผยว่า ตั้งข้อสังเกตว่า เงินลงทุนที่นำมาดำเนินการซื้อผลปาล์ม การบริหารจัดการ มาจากไหน เมื่อขายน้ำมันปาล์มดิบได้แล้ว เข้ากระเป๋าใคร ซึ่ง การกระทำดังกล่าวไม่มีระเบียบข้อกฎหมายรองรับ อีกทั้งการดำเนินการไม่เป็นไปตามระเบียบการประกอบกิจการและซื้อขายน้ำมันปาล์มซึ่งเป็นสินค้าควบคุม
หลังจากนั้นผู้บริหารบริษัทและทีมทนายความพร้อมตัวแทนเข้าไปยื่นคำร้องต่อศาลให้คุ้มครองชั่วคราว ให้กลุ่มบุคคลดังกล่าวหยุดดำเนินการ และให้กรมสอบสวนคดีพิเศษ ส่งเอกสารชี้แจง ว่าดำเนินการโดยชอบด้วยกฎหมายหรือไม่