ลองนึกภาพตาม... เสียงค้อนกระทบเบาๆ แต่เป็นจังหวะดังมาจากตำบลปากแจ่ม อำเภอห้วยยอด จังหวัดตรัง ไม่ใช่เสียงการก่อสร้างตึกรามบ้านช่อง แต่เป็นเสียงแห่งการสร้างสรรค์งานศิลปะบนผืนผ้าที่แสนจะน่าทึ่ง
ที่นั่น กลุ่มแม่บ้าน "อีโค้ปริ้นปากแจ่ม" กำลังรวมพลังกันเนรมิตลวดลายบนผืนผ้าด้วยวิธีที่เรียบง่ายแต่เปี่ยมไปด้วยภูมิปัญญา นั่นคือการใช้ "ค้อนทุบ"
ใช่แล้ว การทุบใบไม้ดอกไม้ลงบนผืนผ้าโดยตรง ทำให้ผ้าแต่ละผืนมีชีวิตชีวาด้วยลวดลายจากธรรมชาติแท้ๆ และที่สำคัญคือ มีเพียงชิ้นเดียวในโลกเท่านั้น
จุดเริ่มต้นของความงดงามนี้ มาจากการย้อมสีผ้าด้วยวัสดุธรรมชาติล้วนๆ ไม่ว่าจะเป็นสีเขียวสดชื่นจากใบมังคุด สีส้มแดงอบอุ่นจากแก่นฝาง หรือสีเหลืองสว่างไสวจากกลีบดอกดาวเรืองและขมิ้น แม้แต่สีเขียวเหลือบเหลืองอ่อนๆ ก็ได้จากเปลือกกระโดนผสมกับใบมังคุด ซึ่งแต่ละสีต้องใช้ทั้งเวลาและความตั้งใจในการสกัดและย้อมนานหลายวัน
เมื่อได้ผ้าสีสวยตามต้องการแล้ว ก็ถึงเวลาของการเลือกเฟ้นใบไม้ ใบหญ้า หรือดอกไม้จากรอบๆ บ้าน หรือริมทางเดินในท้องถิ่น อย่างใบสักทอง ใบมังคุด ดอกดาวกระจาย หรือเพกา แต่ก็มีเคล็ดลับเล็กน้อย คือต้องเลี่ยงการเก็บวัตถุดิบในช่วงที่ฝนกำลังตก เพราะใบไม้จะอมน้ำ อาจทำให้ลวดลายที่ได้ดูเลอะเทอะไปบ้าง และก็ต้องเลี่ยงช่วงที่แดดจัดจ้ามากๆ ด้วย เพราะใบไม้จะคายน้ำ ทำให้สีสันที่ได้ไม่สดสวยเท่าที่ควร
จากนั้นก็นำใบไม้ดอกไม้เหล่านี้มาจัดวางอย่างบรรจงลงบนผืนผ้า แล้วดึงผ้าอีกมุมหนึ่งมาปิดทับ ก่อนจะวางทาบด้วยถุงพลาสติกใส แล้วก็ถึงขั้นตอนที่เป็นหัวใจสำคัญ คือการใช้ค้อนค่อยๆ ทุบ หรือตอกซ้ำๆ ลงไปบนผืนผ้า ให้สีสันและโครงสร้างอันละเอียดอ่อนของใบไม้ดอกไม้เหล่านั้นค่อยๆ ถ่ายทอดตัวเองลงไปประทับบนเนื้อผ้าทั้งสองด้าน เกิดเป็นลวดลายที่งดงามราวกับภาพวาดจากธรรมชาติ
แต่ไม่ใช่แค่ทุบแล้วจะเสร็จสิ้นกระบวนการ หลังจากนั้นยังต้องนำผ้าไปผึ่งลมไว้ประมาณสองคืนให้สีแห้งสนิท ก่อนจะนำไปล้างด้วยน้ำเปล่าที่ผสมน้ำปูนใสและสารส้ม ซึ่งขั้นตอนนี้ต้องทำซ้ำๆ ถึง 3-4 ครั้ง เพื่อให้ลวดลายเด่นชัดและสีสันติดทนนาน
จากนั้นก็นำไปตากลมอีกสองคืน แล้วจึงซักทำความสะอาดอีกครั้งด้วยผงซักฟอกอ่อนๆ หรือน้ำยาล้างจาน ก่อนจะผึ่งลมให้แห้งสนิทอีกครั้ง แล้วจึงนำไปรีดให้เรียบสวยงาม พร้อมที่จะเป็นผลงานชิ้นเอก
ความมหัศจรรย์ของผ้าอีโค้ปริ้นท์ด้วยเทคนิคนี้ก็คือ ผ้าแต่ละผืนจะมีลวดลายและสีสันที่ไม่ซ้ำกันเลยแม้แต่น้อย ถึงแม้จะใช้ใบไม้ชนิดเดียวกัน แต่ถ้ามาจากคนละต้น หรือเก็บในคนละช่วงเวลา ผลลัพธ์ที่ได้ก็จะแตกต่างกันไปอย่างน่าอัศจรรย์ เสมือนกับว่าธรรมชาติได้ร่วมสร้างสรรค์งานศิลปะแต่ละชิ้นให้ออกมามีเอกลักษณ์เฉพาะตัวจริงๆ
นางนลินี หนูกูล ประธานกลุ่มผ้าอีโค้ปริ้นปากแจ่ม เล่าให้ฟังด้วยรอยยิ้มว่า ข้อดีของการใช้วิธีทุบแบบนี้คือ สมาชิกในกลุ่มทำได้ทั้งกลางวันและกลางคืน ไม่ต้องยุ่งยากกับการเตรียมอุปกรณ์มากนัก ไม่ต้องใช้แก๊ส ไม่ต้องต้มน้ำให้วุ่นวาย แม้จะทำคนเดียวก็ยังได้ แถมยังสร้างสรรค์ลวดลายได้ตามที่ลูกค้าต้องการ และรับรองได้เลยว่าสวยงามเป็นหนึ่งเดียวไม่ซ้ำใครแน่นอน
เพียงไม่นานหลังจากที่กลุ่มอีโค้ปริ้นปากแจ่มได้เริ่มสร้างสรรค์ผลงานเหล่านี้ ก็เริ่มมีผู้คนให้ความสนใจและติดต่อสั่งซื้อเข้ามาอย่างต่อเนื่อง ผลิตภัณฑ์ก็มีให้เลือกหลากหลาย ทั้งขายเป็นผืนผ้าสำหรับนำไปตัดเย็บเอง หรือจะให้ทางกลุ่มบริการตัดเย็บเป็นชุดกระโปรง ชุดแซก เสื้อแขนยาว แขนสั้น ก็ได้เช่นกัน อย่างผ้าขนาด 2 หลา พร้อมตัดเย็บ ราคาก็จะอยู่ที่ประมาณ 1,200 บาท ซึ่งก็ขึ้นอยู่กับเนื้อผ้าด้วย นอกจากนี้ยังมีหมวกดีไซน์เก๋ ราคาใบละ 199 บาท และผ้าพันคอสวยๆ ผืนละ 199 บาทอีกด้วย
นี่คืออีกหนึ่งเรื่องราวดีๆ จากพลังของกลุ่มสตรีในชุมชน ที่นำเอาภูมิปัญญาท้องถิ่นมาผสานกับความคิดสร้างสรรค์ จนเกิดเป็นผลิตภัณฑ์ที่ทั้งสวยงาม เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม และยังสร้างรายได้เลี้ยงดูครอบครัว
หากผู้ใดสนใจอยากจะเป็นเจ้าของผลงานศิลปะจากธรรมชาติชิ้นเดียวในโลกแบบนี้ หรืออยากจะสนับสนุนกลุ่มแม่บ้านคนเก่งแห่งตำบลปากแจ่ม ก็ติดต่อสอบถามหรือสั่งซื้อได้โดยตรง ที่เบอร์โทรศัพท์ 082-412-9915 มาร่วมชื่นชมและสนับสนุนงานฝีมืออันทรงคุณค่านี้ด้วยกัน