ศูนย์ข่าวภูเก็ต - “หาดทรายแก้ว” วิกฤตแน่ ถ้าไม่ป้องกัน อีก 3-4 ปี ถนนทางออกจากภูเก็ตส่อหายลงทะเล ยังต้องรอลุ้น “รั้วดักทราย” หยุดปัญหาได้มากน้อยแค่ใหน หลายคนเชื่อทำดีกว่าไม่ทพ อย่างน้อยช่วยชะลอความแรงละผลกระทบได้ส่วนหนึ่ง
"หาดทรายแก้ว" เป็นอีกหนึ่งแหล่งท่องเที่ยวของจังหวัดภูเก็ต อยู่ติดกับถนนเพชรเกษม สาย 402 ซึ่งเป็นทางออกทางเดียวของจังหวัดภูเก็ต ที่นักท่องเที่ยวคนไทย -ต่างชาติ นิยมแวะเช็คอิน ก่อนที่จะออกเดินทางจาก จ.ภูเก็ต โดยเมื่อประมาณ 10 ปีที่ผ่านมา ชายหาดแห่งนี้เป็นชายหาดที่มีความกว้าง และมีต้นสนขนาดใหญ่จำนวนมาก แนวชายหาดขนานไปกับถนน โดยอยู่ห่างจากถนน ประมาณ 300 – 400 เมตร
ปัจจุบันน้ำทะเลกัดเซาะแนวต้นสน และชายหาด จนเหลือแนวหาดทราย ห่างจากถนนประมาณ 50 เมตร เท่านั้น นอกจากนั้น ในช่วง 2-3 ปีนี้ พบว่าคลื่นที่ซัดเข้าหาฝั่งมีกำลังแรงมากขึ้น และ ซัดเอามวลน้ำขึ้นมาท่วมจนถึงถนนบางครั้งต้องปิดถนนเพื่อความปลอดภัยในการสัญจร ส่งผลให้ประชาชนที่ต้องการเดินทางออกจากจังหวัดภูเก็ตได้รับความเดือดร้อน หากไม่มีการแก้ปัญหาการกัดเซาะ คาดว่าอีก 3-4 ปีข้างหน้า ถนนทางออกจากจังหวัดภูเก็ต อาจจะโดนตัดขาด ก่อให้เกิดผลกระทบเป็นวงกว้างอย่างแน่นอน และจะไม่มี หาดทรายแก้ว อีกต่อไป
ดังนั้นเพื่อแก้ไขปัญหาและป้องกันการพังทลายเพิ่มของชายหาด ทางกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม จึงได้ทำโครงการแก้ไขปัญหาการกัดเซาะชายฝั่ง บริเวณพื้นที่วิกฤติในเขตอุทยานแห่งชาติสิรินาถ โดยใช้งบประมาณ เกือบ 5 ล้านบาท ทำรั้วไม้คู่ขนานแบบซิกแซก 500 เมตร ให้เป็นกับดักกรองตะกอนทราย เพื่อสร้างเนินทราย และป้องกันการกัดเซาะชายฝั่ง ร่วมกับการปลูกพันธุ์ไม้ชายหาดหลังแนวรั้ว เพื่อเป็นกำแพงสีเขียว ที่มีระบบรากช่วยยึดสันทรายไว้ ขณะนี้การดำเนินการคืบหน้าไปแล้วกว่า 80 % และเตรียมที่จะดำเนินการต่อในเฟส 2 ความยาวอีกกว่า 1,000 เมตร ซึ่งจะใช้งบประมาณในการดำเนินการเกือบ 6 ล้านบาท เพื่อหยุดปัญหาการกัดเซาะหาดทรายแก้ว
แต่อย่างไรก็ตาม ในช่วง 2 -3 วันที่ผ่านมา ซึ่งเป็นช่วงฤดูมรสุมคลื่นลมแรง และ น้ำทะเลหนุนสูง ทำให้คลื่นขนาดใหญ่ซัดเข้าชายหาดอย่างรุนแรง แม้จะมีรั้วดักทรายเพื่อชะลอความแรงของคลื่นไปได้บางส่วน แต่ก็ไม่สามารถหยุดความแรงของคลื่นได้ทั้งหมด โดยคลื่นได้ลากทรายบางส่วนกลับลงทะเลไปด้วย ทำให้ต้นสนริมชายหาดส่อจะล้มลงอีกหลายต้น นอกจากนั้นในส่วนรั้วไม้ก็มีบางจุดที่ได้รับความเสียหาย แต่จำนวนไม่มากนัก ซึ่งเหตุการณ์ครั้งนี้ทำให้หลายคนมีความเป็นห่วงว่า รั้วดักทรายเพื่อชะลอความแรงของคลื่นจะสามารถป้องกันการกัดเซาะชายหาดได้มากน้อยแค่ใหน แต่สิ่งหนึ่งที่หลายคนเห็นด้วย คือการทำแนวป้องกันดีกว่าที่จะไม่ทำอะไรเลย เพราะรั้วดังกล่าวยังสามารถช่วยชะลอความแรงของคลื่นไปได้ในระดับหนึ่ง ทำให้ความเสียหายของการกัดเซาะชายหาดลดลง แม้จะเห็นไม่ชัด แต่ล่าสุดพบว่าความเสียหายมีไม่มากเหมือนกับช่วงที่ผ่าน ซึ่งคลื่นซัดเข้ามาจนเกือบถึงถนน