เสียหายหนัก เรือขนสินค้าของพม่า เกยตื้น ทำปะการังเสียหาย สั่งเร่งกู้เรือด่วน

พังงา - หนัก !! เรือ ขนสินค้าพม่าเกยตื้น หมู่เกาะสุรินทร์ ทำปะการังเสียหายเป็นแนวยาว 75 เมตร จี้เอาผิดทั้งอาญาและแพ่ง พร้อมเรียกค่าเสียหาย สั่งกู้เรือด่วนแต่ต้องระมัดระวังให้ปะการังเสียหายน้อยที่สุด


จากเหตุการณ์เรือ "MV.AYAR LINN" ซึ่งเป็นเรือขนสินค้าสัญชาติเมียนมาร์ ได้เกยตื้นบนแนวปะการังสำคัญในเขตอุทยานแห่งชาติหมู่เกาะสุรินทร์ จ.พังงา หลังเกิดเหตุ (2 มิ.ย.) นายเกรียงไกร เพาะเจริญ หัวหน้าอุทยานแห่งชาติหมู่เกาะสุรินทร์ พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่อุทยานฯ ชุดปฏิบัติการดำน้ำและเจ้าหน้าที่ชุดสายตรวจ ได้เข้าดำเนินการสำรวจความเสียหายในทันที


จากการตรวจสอบพบว่า แนวปะการังถูกชนและได้รับความเสียหายเป็นระยะทางประมาณ 75 เมตร ตั้งแต่จุดแรกที่เกิดการชนไปจนถึงจุดที่เรือเกยตื้นสนิท ความเสียหายส่วนใหญ่เกิดกับปะการังลักษณะก้อนสูงที่ไม่พ้นท้องเรือ โดยเฉพาะบริเวณที่เรือเกยตื้นและทับอยู่บนแนวปะการังในช่วงระยะ 45-75 เมตร ทำให้ปะการังใต้ท้องเรือแตกหักและถูกทับเกือบทั้งหมด คาดการณ์พื้นที่ปะการังที่ได้รับความเสียหายเบื้องต้นประมาณ 150 ตารางเมตร


สำหรับชนิดปะการังที่ได้รับผลกระทบหลัก ได้แก่​ ปะการังสีน้ำเงิน (Heliopora coerulea) เสียหายมากที่สุดประมาณ 80% ของปะการังที่ถูกชน​ ปะการังเขากวาง (Acropora sp.) เสียหายประมาณ 15% ปะการังโขด (Porites lutea) เสียหายประมาณ 5% นอกจากนี้ยังมี ปะการังสมองร่องสั้น (Platygyra daedalea) แตกหัก 4 โคโลนี, ปะการังดอกกะหล่ำ (Pocillopora) แตกหัก 3 โคโลนี และปะการังดาวเหลี่ยม (Leptastrea purpurea) แตกหัก 1 โคโลนี


นอกเหนือจากความเสียหายโดยตรงต่อแนวปะการัง ยังพบข้อกังวลเกี่ยวกับปัญหาขยะทะเล เนื่องจากเรือดังกล่าวเป็นเรือขนส่งสินค้า จึงมีขยะจำพวกกระดาษลัง เศษผ้า ยางรถบรรทุก สายยาง และขยะอื่นๆ จำนวนหนึ่งตกค้างและติดอยู่บนแนวปะการัง


ขณะที่ ดร.เฉลิมชัย​ ศรีอ่อน​ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (รมว.ทส.) ได้สั่งการเร่งด่วนให้ทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการกู้เรือบรรทุกสินค้าสัญชาติพม่า "MV.AYAR LINN" ซึ่งประสบเหตุเกยตื้นบนแนวปะการังบริเวณอ่าวจาก อุทยานแห่งชาติหมู่เกาะสุรินทร์ จังหวัดพังงา โดยเน้นย้ำให้แผนการกู้เรือส่งผลกระทบต่อระบบนิเวศปะการังน้อยที่สุด พร้อมทั้งสั่งการให้ดำเนินการทางกฎหมายอย่างถึงที่สุดทั้งทางอาญาและทางแพ่งเพื่อเรียกร้องค่าเสียหายทั้งหมดที่เกิดขึ้นกับทรัพยากรธรรมชาติ


ด้านนายอรรถพล​ เจริญชันษาอธิบดีกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช ได้สั่งการด่วนให้อุทยานแห่งชาติหมู่เกาะสุรินทร์ ซึ่งอยู่ในสังกัดสำนักบริหารพื้นที่อนุรักษ์ที่ 5 (นครศรีธรรมราช) ประสานงานกับหน่วยงานภาคีเครือข่ายอย่างใกล้ชิด ประกอบด้วย กรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง (ทช.), ศูนย์วิจัยทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่งทะเลอันดามันตอนบน (ศวภ.) ภูเก็ต, สำนักงานเจ้าท่าภูมิภาคสาขาพังงา, หน่วยรักษาความปลอดภัยทางทะเล กองทัพเรือ พื้นที่หมู่เกาะสุรินทร์ (นรภ.เกาะสุรินทร์), สถานีตำรวจภูธรคุระบุรี และศูนย์อำนวยการรักษาผลประโยชน์ของชาติทางทะเลจังหวัดพังงา (ศรชล.พังงา) 




เพื่อร่วมกันลงพื้นที่สำรวจประเมินสถานการณ์อย่างละเอียด และกำหนดแนวทางการแก้ไขปัญหาที่เหมาะสมและรวดเร็ว รวมถึงรวบรวมพยานหลักฐานเพื่อดำเนินการตามกระบวนการทางกฎหมายทั้งทางอาญาและแพ่งกับผู้รับผิดชอบอย่างเคร่งครัดต่อไป