ตรัง – ร้านค้า ร้านอาหาร จุดพักรถริมทาง ถนนสายตรัง-พัทลุง อ่วมหนัก นักท่องเที่ยวหายเกลี้ยงในช่วงวันหยุดที่ผ่านมา เหตุจากกรมการขนส่งทางบกห้ามบัส 2 ชั้นผ่านเขาพับผ้า ขณะที่ผู้โดยสาร 3 จชต. เดือดร้อนต้องต่อรถหลายทอด
วันนี้ (2 มิ.ย.) จากกรณีที่กรมการขนส่งทางบก (ขบ.) ได้ออกประกาศห้ามรถโดยสารสาธารณะ 2 ชั้น ทั้งรถโดยสารประจำทาง และไม่ประจำทาง เดินรถใน 7 เส้นทางเสี่ยง ที่มีความลาดชันทั่วประเทศ รวมทั้งเส้นทางหลวงหมายเลข 4 ช่วงเขาพับผ้า ตรัง -พัทลุง ทำให้ส่งผลกระทบทั้งผู้ประกอบการเดินรถ รวมถึงร้านค้า ร้านอาหาร โรงแรม ห้องพัก ต่างก็ออกมาเรียกร้องให้มีการทบทวนคำสั่งในเส้นทางเขาพับผ้าดังกล่าว โดยระบุว่าที่ผ่านมาเส้นทางเขาพับผ้า รถบัสรวมทั้งรถบัส 2 ชั้นไม่เคยเกิดอุบัติเหตุมาก่อน โดยในวันที่ 4 มิ.ย. นี้ ทางเครือข่ายผู้ประกอบการเดินรถบัส 2 ชั้น จะมีการรวมตัวกันที่อันดามันเกตเวย์ บนเขาพับผ้า เพื่อแสดงออกถึงผลกระทบที่เกิดขึ้น จะมีการเปิดเวทีเสวนาสะท้อนในทุกแง่มุม ทั้งบวกและลบ เพื่อสรุปเป็นข้อเสนอต่อหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ทั้งกรมขนส่งทางบก กระทรวงคมนาคม เพื่อพิจารณาทบทวนการดำเนินการต่อไป
ล่าสุด ในช่วงวันหยุดยาวสัปดาห์นี้หลังจากที่กรมการขนส่งทางบกได้สั่งห้ามรถบัส 2 ชั้นทั้งประจำทางและไม่ประจำทาง (รถเหมา) วิ่งผ่านเส้นทางเขาพับผ้า โดยจากการสำรวจร้านค้า ร้านอาหาร จุดพักรถริมทาง ถนนสายตรัง-พัทลุง พบว่าบรรยากาศเงียบเหงา ไร้เงารถบัส 2 ชั้นปรับอากาศ ทั้งรถโดยสารประจำทาง และไม่ประจำทาง
จากการสอบถามพบว่าตามปกติแล้วในช่วงวันหยุดเสาร์-อาทิตย์ และวันหยุดยาว จะหนาแน่นไปด้วยรถบัส 2 ชั้นจ้างเหมาที่นำนักท่องเที่ยวจากต่างจังหวัดโดยเฉพาะจาก 5 จังหวัดภาคใต้ เช่น พัทลุง สงขลา ปัตตานี ยะลา นราธิวาส เข้ามาท่องเที่ยวและมาทัศนะศึกษา โดยรถจะมาแวะพัก เพื่อให้ผู้โดยสารได้รับประทานอาหาร ประกอบพิธีละหมาดและซื้อของฝากเป็นจำนวนมาก แต่ตอนนี้บรรยากาศเงียบเหงา มีเพียงรถทัวร์ชั้นเดียว รถมินิบัส รถตู้ และรถยนต์ส่วนบุคคลเท่านั้นที่ผ่านเข้ามาใช้บริการ ขณะที่รถบัส 2 ชั้นประจำทางก็ไม่มีแม้แต่คันเดียวเช่นกัน
นางกนิษฐา ชัยคช เจ้าของร้านเค้กกนิษฐา กล่าวว่า ก่อนหน้านี้ตลอดเกือบ 1 เดือน ที่รถบัส 2 ชั้นไม่ประจำทางถูกสั่งห้ามวิ่งผ่านเขาพับผ้า ได้ส่งผลกระทบอย่างมากต่อผู้ประกอบการรถ รวมทั้งธุรกิจต่อเนื่องกับการท่องเที่ยวทุกชนิด และล่าสุดวันที่ 1 มิ.ย. ที่ผ่านมา ก็ห้ามรถโดยสารสาธารณะประจำทาง 2 ชั้นวิ่งรับส่งผู้โดยสารผ่านเส้นทางเขาพับผ้าเพิ่มอีกประเภท ทำให้รถโดยสารประจำทาง เช่น สายสุไหงโกลก-ภูเก็ต , เบตง-ภูเก็ต เป็นต้น หยุดวิ่งมาตั้งแต่วันที่ 31 พ.ค. เพราะหากวิ่งในวันดังกล่าวจะต้องวิ่งกลับในวันที่ 1 มิ.ย. ซึ่งจะมีความผิดทันที เนื่องจากรถโดยสารสาธารณะประจำทาง ไม่สามารถวิ่งอ้อมเส้นทางหรือออกนอกเส้นทางได้เพราะผิดกฎหมาย
“ความอยู่รอดของผู้ประกอบการท่องเที่ยวขึ้นอยู่กับนักท่องเที่ยวและรถโดยสารประจำทาง ทำให้เดือดร้อนอย่างหนัก รายได้หดหายไปกว่าร้อยละ 50 พนักงานกว่า 50 ชีวิต เสี่ยงตกงาน ตอนนี้ลดเวลาทำงานเหลือสัปดาห์ละ 3 วัน หยุดยาวนี้ไม่มีนักท่องเที่ยวด้วยรถบัส 2 ชั้นเช้ามาเลย เพราะหากมีเขาจะแจ้งล่วงหน้า จึงอยากเรียกร้องให้ รมว.คมนาคมลงพื้นที่มาดูสภาพพื้นที่จริง ว่าเขาพับผ้าอันตรายจริงหรือไม่ ไม่ใช่ดูจาก Google Maps แล้วออกคำสั่ง อยากให้ทบทวนคำสั่งนี้เปิดเส้นทางตามปกติ เพราะถนนไม่ได้อันตรายแต่อย่างใด” นางกนิษฐา กล่าว
นอกจากนี้ ผู้สื่อข่าวได้สำรวจบรรยากาศที่สถานีขนส่งผู้โดยสารตรัง โดยสอบถามพนักงานขายตั๋วเดินทาง ได้รับข้อมูลว่า หลังมีการห้ามรถโดยสาร 2 ชั้นปรับอากาศวิ่งผ่านเขาพับผ้า ส่งผลกระทบต่อผู้โดยสารที่จะเดินทางไป จ.นราธิวาส และจ.ยะลา พอไม่มีรถโดยสารประจำทางวิ่ง ทำให้ต้องไปต่อรถหลายทอดกว่าจะถึงปลายทาง ทำให้ผู้โดยสารที่จะไป 2 จังหวัดดังกล่าวได้รับผลกระทบ
นายสุเทพ ศรีสุด ผู้ประกอบการรถตู้โดยสาร (เสื้อสีแดง) กล่าวว่า เห็นใจผู้ประกอบการรถ 2 ชั้น โดยเฉพาะรถโดยสาร 2 ชั้นประจำทางปรับอากาศ ซึ่งเป็นรถป้ายทะเบียน 10 เมื่อมีการสั่งห้ามวิ่งผ่านเขาพับผ้า ทำให้ผู้ประกอบการรถต้องหยุดเดินรถ เพราะวิ่งอ้อมเส้นทาง หรือออกนอกเส้นทางไม่ได้ เพราะผิดกฎหมายจะต้องถูกจับ ทำให้ผู้โดยสารได้รับผลกระทบเพราะหากต้องไปสามจังหวัดชายแดนใต้ ต้องต่อรถหลายทอดได้รับความเดือดร้อน
ซึ่งแตกต่างจากรถทัวร์ 2 ชั้นปรับอากาศ ป้ายทะเบียน 30 ซึ่งเป็นรถไม่ประจำทาง หรือเป็นรถทัวร์จ้างเหมา สามารถวิ่งอ้อมได้ แต่ค่าจ้างเหมาก็ต้องเพิ่มขึ้นตามระยะทาง ซึ่งก็ได้รับผลกระทบเช่นกัน เพราะถูกยกเลิกการเดินทาง อยากให้รัฐบาลทบทวนการเดินรถผ่านเส้นทางเขาพับผ้า เพราะปัจจุบันเป็นถนนสี่เลนแล้ว สะดวกสบาย ไม่ได้อันตรายแต่อย่างใด ซึ่งคนขับรถโดยสารทุกประเภทก็มีความระมัดระวังในการขับขี่อยู่แล้ว