ศูนย์ข่าวภูเก็ต - คณะทำงาน มท. 3 ห่วง! ปัญหาคลื่นกัดเซาะหาดทรายแก้ว จ.ภูเก็ต หลังกระแสคลื่นแรงซัดจน รั้วดักทราย ที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม จัดสร้างขึ้นเพื่อแก้ปัญหาคลื่นกัดเซาะชายฝั่ง เสียหายบางส่วน
จากกรณีเมื่อวานนี้ ( 31 พ.ค. ) นายวิวัฒน์ จินดาพล คณะทำงานรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย (มท.3) ได้ไลฟ์สดเหตุการณ์คลื่นขนาดใหญ่ซัดเข้าหาชายหาดบริเวณหาดทรายแก้ว ต.ไม้ขาว จ.ภูเก็ต ด้วยความแรงทำให้ แนวกันคลื่นซึ่งเป็นรั้วดักทราย ความยาวกว่า 500 เมตร ได้รับความเสียหายบางส่วน รวมทั้งต้นสนบางส่วนที่ถูกคลื่นซัดจนรากลอย โดยรั้วดักทรายดังกล่าวกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม จัดทำ ด้วยงบประมาณเกือบ 5 ล้าน เพื่อแก้ปัญหาคลื่นกัดเซาะชายฝั่งหาดทรายแก้ว ซึ่งขณะนี้การดำเนินโครงการเสร็จไปแล้วกว่า 80 % และเตรียมขอสนับสนุนงบประมาณดำเนินการเพิ่มอีกกว่า 1,000 เมตร ใช้งบกว่า 5 ล้านบาท หวังว่าจะป้องกันปัญหาการกัดเซาะชายฝั่งบริเวณหาดทรายแก้วได้ เพราะจุดนี้ถือว่าเป็นจุดที่มีการการกัดเซาะรุนแรง ถ่าไม่ป้องกันอีกไม่นานถนนขาออกจากภูเก็ตหายแน่
นายวิวัฒน์ จินดาพล คณะทำงานรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย (มท.3) กล่าวถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ว่า ขณะนี้สถานการณ์การกัดเซาะชายฝั่งที่หาดทรายแก้ว ยังอยู่ในสถานการณ์ที่น่าเป็นห่วง เนื่องจากแนวรั้วดักทราย ใช้ปักกันคลื่นในพื้นที่ดังกล่าวได้ผลในการชะลอความแรงของคลื่นได้ระดับหนึ่งในช่วงที่ระดับคลื่นไม่รุนแรง แต่ขณะนี้ในพื้นที่เป็นช่วงมรสุม ทำให้คลื่นที่ซัดเข้ามาที่หาดทรายแก้วมีความรุนแรงมาก ทำให้แนวกันคลื่นไม่สามารถที่จะป้องกันได้ทั้งหมด
“นายวิวัฒน์ กล่าวว่า บริเวณหาดทรายแก้ว ลักษณะของคลื่นจะมี 2 ช่วง คือ ช่วงคลื่นไม่แรง และ น้ำหนุนเพียงเล็กน้อย แนวไม้ที่ปักสามารถช่วยเก็บทรายไว้ได้ เห็นได้ชัดจากการเกิดสันทรายหลังแนวไม้ แต่เมื่อเข้าสู่ช่วงที่มีพายุและคลื่นแรงร่วมกับน้ำหนุนสุง คลื่นในบริเวณนี้จะแรงและหมุนวน ส่งผลให้ทรายที่เก็บไว้ถูกกัดเซาะกลับออกไปจนหมด รวมทั้งรั้วไม้บางส่วนที่ถูกคลื่นซัดจนเสียหายหลุดลอย ทำให้ไม่สามารถรักษาชายหาดไว้ได้”
และขณะนี้ บริเวณพื้นที่หาดทรายแก้ว กำลังได้รับผลกระทบนอกจากเนินทราย ที่ถูกคลื่นลากกลับลงไปแล้ว ยังพบว่าต้นสนบริเวณชายหาด เริ่มได้รับความเสียหาย รากถูกน้ำทะเลซัดจนทรายทรุดตัวและไม่มีที่ยึดส่งผลให้รากต้นสนลอยขึ้นมา และมีบางส่วนที่ล้มลงไป
สำหรับการแก้ไขปัญหา นอกจากจะมีการซ่อมแนวรั้วดักทรายที่ได้รับความเสียหายแล้ว สิ่งหนึ่งที่คิดว่าจะต้องเร่งดำเนินการ คือ การศึกษาวิจัยเพิ่มเติมเกี่ยวกับพฤติกรรมของน้ำทะเลบริเวณหาดทรายแล้วในช่วงพายุ เพื่อหาวิธีหรือวัสดุที่สามารถชะลอแรงคลื่นให้เหมาะสมกับลักษณะชายฝั่งของหาดทรายแก้ว โดยเฉพาะในช่วงฤดูฝนที่เพิ่งเริ่มต้นแต่ระดับน้ำและแรงคลื่นก็รุนแรงมากแล้ว ซึ่งหากในอนาคตมีฝนตกหนักและลมแรงร่วมด้วย สถานการณ์อาจเลวร้ายยิ่งขึ้น เราจำเป็นต้องหาวิธีที่เหมาะสมกับธรรมชาติของพื้นที่ ไม่ใช่เพียงการปักไม้แบบเดิม เพราะไม่สามารถรับมือกับพายุที่รุนแรงได้”