ข่าวดีสำหรับผู้ที่ชื่นชอบผลไม้ไทยและชาวจังหวัดตรัง เมื่อกรมทรัพย์สินทางปัญญา กระทรวงพาณิชย์ ได้ประกาศขึ้นทะเบียน “แตงโมเกาะสุกร” เป็นสิ่งบ่งชี้ทางภูมิศาสตร์ (GI) รายการใหม่ล่าสุด นับเป็นสินค้า GI ลำดับที่ 4 ของจังหวัดตรังอย่างเป็นทางการ ต่อจากหมูย่างเมืองตรัง พริกไทยตรัง และข้าวเบายอดม่วงตรังที่สร้างชื่อเสียงไปก่อนหน้านี้ การรับรองครั้งนี้ถือเป็นการการันตีถึงคุณภาพและความโดดเด่นที่ไม่เหมือนใครของแตงโมจากเกาะแห่งนี้
เอกลักษณ์อันเลื่องชื่อของแตงโมเกาะสุกรนั้นเป็นที่รู้จักกันดีมายาวนาน ด้วยคุณสมบัติพิเศษทั้งเนื้อสัมผัสที่ละเอียดเนียน รสชาติหวานหอมตามธรรมชาติ ทำให้ผู้ได้ลิ้มลองต่างติดใจ ความพิเศษนี้เริ่มต้นตั้งแต่สีเปลือกที่มักจะอ่อนกว่าแตงโมสายพันธุ์เดียวกันที่ปลูกในแหล่งอื่น ทำให้มองเห็นลวดลายบนเปลือกได้ชัดเจน ส่วนเนื้อแตงโมมีทั้งสีแดง สีส้ม และสีเหลือง
ปัจจัยสำคัญที่รังสรรค์รสชาติอันเป็นเอกลักษณ์นี้มาจากลักษณะทางภูมิศาสตร์ของเกาะสุกร ซึ่งตั้งอยู่ในอำเภอปะเหลียน จังหวัดตรัง เป็นเกาะกลางทะเลอันดามันในมหาสมุทรอินเดีย พื้นดินบนเกาะส่วนใหญ่เป็นดินร่วนปนทราย ทำให้ระบายน้ำได้ดี ทั้งยังอุดมไปด้วยธาตุอาหารที่เป็นประโยชน์ต่อการเจริญเติบโตของแตงโมอย่างสูง กอปรกับอิทธิพลของลมมรสุมตะวันตกเฉียงใต้จากมหาสมุทรอินเดีย และลมมรสุมตะวันออกเฉียงเหนือจากอ่าวไทย ที่สำคัญคือวิถีของเกษตรกรผู้ปลูก ซึ่งสืบทอดภูมิปัญญาในการปลูกแตงโมบนชายหาด แตกต่างจากพื้นที่อื่น จนกลายเป็นที่มาของแตงโมคุณภาพเยี่ยม
เรื่องราวความเป็นมาของชื่อ “เกาะสุกร” และเมล็ดพันธุ์แตงโมก็มีเสน่ห์ไม่แพ้กัน เล่ากันว่า เดิมเกาะแห่งนี้เป็นที่อาศัยของหมูป่าจำนวนมาก ต่อมาเมื่อมีชาวประมงเข้ามาตั้งถิ่นฐาน หมูป่าก็ได้ย้ายถิ่นฐานไป ชาวบ้านที่อาศัยอยู่บนฝั่งเคยเห็นฝูงหมูป่าว่ายน้ำอยู่บริเวณเกาะ จึงพากันเรียกชื่อเกาะว่า “เกาะหมู” ก่อนจะเพี้ยนมาเป็น “เกาะสุกร” จนถึงปัจจุบัน ส่วนเมล็ดพันธุ์แตงโมนั้น ว่ากันว่าชาวบ้านบนเกาะได้รับมาจากกัปตันเรือชาวจีนที่เคยเดินเรือผ่านมาและได้แวะพักอาศัยหลบมรสุม เมื่อกัปตันผู้นั้นเดินเรือผ่านมาอีกครั้ง จึงได้นำเมล็ดแตงโมมามอบให้ชาวบ้านเพื่อเป็นการตอบแทนน้ำใจ กลายเป็นจุดเริ่มต้นของการปลูกแตงโมบนเกาะแห่งนี้
การได้รับรอง GI ในครั้งนี้ จึงไม่เพียงแต่จะทำให้ชื่อเสียงของแตงโมเกาะสุกรเป็นที่รู้จักในวงกว้างยิ่งขึ้น แต่ยังเป็นการช่วยส่งเสริมการท่องเที่ยวของจังหวัดตรัง เนื่องจากเกาะสุกรเป็นแหล่งท่องเที่ยวที่นักท่องเที่ยวเดินทางไปลิ้มลองรสชาติแตงโมสดๆ และเลือกซื้อได้ถึงแปลงปลูก สร้างประสบการณ์และความประทับใจที่ไม่เหมือนใคร อีกทั้งยังคาดว่าจะช่วยเพิ่มรายได้ให้กับเกษตรกรผู้ปลูกบนเกาะได้อย่างยั่งยืน จากปัจจุบันที่แตงโมเกาะสุกรสามารถสร้างรายได้ให้ชุมชนได้กว่า 27 ล้านบาทต่อปี ให้เติบโตยิ่งขึ้นไปอีก