นครศรีธรรมราช - ตำรวจยศ พ.ต.ท. ตัดสินใจขึ้นศาลฟ้อง “พ.ต.อ.” หลังแจ้งความร้องทุกข์มา 4 ปีแล้วแต่ไร้ความคืบหน้า สำนวนคดีอ่อนยวบ ร้อง ผบ.ตร.ตรวจสอบพฤติกรรมทำคดีของ สภ.ขนอม
วันนี้ (20 พ.ค.) พ.ต.ท.ทวีศักดิ์ เสือทอง รองผู้กำกับการสอบสวน กองกำกับการ 4 กองบังคับการ สอท.5 ได้เข้าร้องเรียนกับผู้สื่อข่าวเปิดเผยข้อมูลให้เป็นกรณีศึกษา ในการทำหน้าที่ของตำรวจ หลังจากที่ พ.ต.ท.ทวีศักดิ์ เป็นผู้เสียหายในคดีลักทรัพย์เองและได้เข้าแจ้งความร้องทุกข์คดีนี้ โดยมีผู้ถูกกล่าวหาเป็นนายตำรวจระดับพันตำรวจเอก สังกัดกองบัญชาการตำรวจภูธรภาค 8 ปัจจุบันเกษียณอายุราชการ ปรากฎว่าหลังจากที่มีการเปิดเผยข้อมูลไปเมื่อปี 2567 ได้มีการสรุปสำนวนส่งอัยการมีความเห็นสั่งไม่ฟ้อง ซึ่งเข้าใจได้ว่าเกิดอะไรขึ้นเนื่องจากตัวเองเป็นพนักงานสอบสวนจึงเห็นความผิดปกติอย่างชัดเจน
หลังจากนั้นเมื่อเห็นความไม่ชอบมาพากล จึงตัดสินใจดำเนินการเองด้วยการยื่นฟ้องตรงต่อศาลจังหวัดนครศรีธรรมราชเรียบร้อยแล้ว โดยศาลได้พิจารณาไต่สวนมูลฟ้องและประทับรับฟ้องไปเรียบร้อยแล้วเมื่อวันที่ 19 พ.ค. ที่ผ่านมา ศาลได้นัดตรวจพยานหลักฐาน แต่ปรากฏว่าฝ่ายจำเลยคือพันตำรวจเอก ได้ของเลื่อนอ้างต้องรวบรวมเอกสารหลักฐานเพิ่มเติม และยังอยู่ในระหว่างการรวบรวมพยานฝ่ายจำเลย คดีนี้จึงอยู่ในชั้นศาลแล้วไม่ต้องพึ่งพาขั้นตอนของพนักงานสอบสวนและอัยการ
พ.ต.ท.ทวีศักดิ์ ให้ข้อมูลว่า คดีนี้ผมเป็นผู้ถูกฝ่ายพันตำรวจเอกและพวกได้แจ้งความดำเนินคดีบุกรุก ซึ่งผมเป็นถูกกล่าวหาได้เข้าไปทำการเกษตรในแปลงที่ดินตกทอดของบรรพบุรุษอย่างถูกต้อง มาตั้งแต่ 2565 นับแต่นั้นคดียังไม่คืบหน้าใด ๆ เลย มีพนักงานสอบสวนชั้นยศร้อยตำรวจเอกโทรศัพท์มาแจ้งข้อกล่าวหากับผมซึ่งเป็นพนักงานสอบสวนเช่นกันชั้นยศพันตำรวจโท ในทางการปฏิบัติต้องถามว่าแจ้งข้อหาทางโทรศัพท์ได้หรือไม่ และเมื่อทำหนังสือไปสอบถามกลับชี้แจงว่าไม่ได้แจ้งข้อกล่าวหา แต่เป็นการให้คำแนะนำทางกฎหมาย
พ.ต.ท.ทวีศักดิ์ ยังระบุอีกว่า ตนได้พยายามติดตามคดีนี้อย่างต่อเนื่องเรื่อยมาทั้งทวงถามเป็นลายลักษณ์อักษร แต่ยังได้คำตอบบ่ายเบี่ยงอ้างว่าต้องรอเจ้าพนักงานรังวัดที่ดิน รอมาแล้ว 4 ปี ซึ่งเมื่อไปดูระเบียบของการรังวัดมีความชัดเจน หากเป็นคดีพิพาทจะต้องเร่งรัดดำเนินการ แต่จนถึงขณะนี้ยังไม่มีอะไรคืบหน้า ต้องเรียกร้องให้ท่าน ผบ.ตร.ตรวจสอบการทำหน้าที่ของพนักงานสอบสวนและผู้บังคับบัญชาของ สภ.ขนอม ที่เกี่ยวข้อง
“ส่วนตัวเองนั้นมีความกังวลอย่างมากจะเดินทางไปต่างประเทศก็ไม่กล้าไป เนื่องจากเกรงว่าจะถูกกลั่นแกล้งเสนอศาลขอหมายจับ หรือมีการดำเนินการโดยไม่รู้ตัวจะกลายเป็นเรื่องวุ่นวายไปอีก ก่อนทิ้งท้ายว่านี้ขนาดเป็นตำรวจด้วยกันยังเป็นไปได้ถึงขนาดนี้ หากเป็นประชาชนคนธรรมดาย่อมไม่สามารถคลายความทุกข์ร้อนได้เลย” รองผู้กำกับการสอบสวนผู้เดือดร้อนรายนี้ระบุ