ศูนย์ข่าวหาดใหญ่ - ผบช.9 พร้อมโอนคดี ส่งตัว สจ.กอล์ฟ ให้กองปราบ ยอมรับ ตร.พื้นที่อาจมีข้อจำกัดเรื่องความเชี่ยวชาญ ในการสืบสวนเครือข่ายอิทธิพล-เว็บพนัน-ยา-ขบวนการฟอกเงิน
วันนี้ (17 พ.ค.) ที่จังหวัดตรัง พล.ต.ท.ปิยะวัฒน์ เฉลิมศรี ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค9 (ผบช.ภ.9.) กล่าวถึงกรณีคำสั่งสำนักงานตำรวจแห่งชาติ(สตช.) โดย พล.ต.อ. กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ(ผบ.ตร.) ให้โอนคดี สจ.กอล์ฟ หรือ นายสิรดนัย พลายด้วง ลูกชายนายสมยศ พลายด้วง สส.พรรคประชาธิปัตย์ จังหวัดสงขลา พร้อมพวกรวม 7 ซึ่งถูกควบคุมตัวอยู่ในเรือนจำจังหวัดสงขลา ในคดีก่อเหตุรุมทำร้ายตำรวจตระเวนชายแดนในเครื่องแบบระหว่างปฏิบัติหน้าที่ดูแลความเรียบร้อยในหน่วยเลือกตั้งเทศบาล เมื่อวันที่ 11 พฤษภาคมที่ผ่านมา ให้กองบังคับการปราบปรามทำคดี ว่า ในส่วนของตำรวจภูธรภาค 9 เจ้าของคดี ได้รับนโยบายรับทราบจากการประสานในวันนี้(17พ.ค.)เพื่อดำเนินการแล้ว โดยที่ผ่านมาทางตำรวจภูธรภาค 9 รวมทั้งตำรวจภูธรจังหวัดสงขลา ได้ทำสำนวนคดีไปพอสมควรแล้ว และได้มีการขยายผลซึ่งมีหลายกองบัญชาการร่วมเป็นพนักงานสอบสวนคดี อาทิ สำนักงานผบ.ตร. ตำรวจสอบสวนกลาง กองบัญชาการตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี(สอท.) ร่วมกับตำรวจภูธรภาค9
พล.ต.ท.ปิยะวัฒน์ กล่าวอีกว่า สำหรับการโอนส่งตัวผู้ต้องหาในคดีก็ต้องส่งตัวไปกองปราบฯ นอกจากนี้งานตรวจยืดของกลาง พยานหลักฐาน รวมทั้งสำนวนคดีต่างๆก็ต้องส่งมอบทั้งหมด ส่วนการขยายผลไปยังฐานความปิดอื่นขึ้นกับสำนวนที่เกี่ยวข้อง และอย่างที่มีการตั้งข้อสังเกตุต่างๆตามที่เป็นข่าว หากพยานหลักฐานไปถึงก็ว่ากันไป ยืนยันว่าตำรวจภูธรภาค 9 ในฐานะพนักงานสอบสวนร่วม โดยเฉพาะตนไม่ได้หนักใจหากการสืบสวนสอบสวนจะโยงไปถึงนักการเมืองในพื้นที่เพราะตนยืนตามพยานหลักฐานตามกฎหมายอยู่แล้ว พยานหลักฐานไปอย่างไรก็ว่าไปตามข้อเท็จจริง เราต้องให้ความเป็นธรรมกับทุกฝ่าย ทำกฎหมายให้เป็นกฎหมาย ใครผิดก็ว่าปิด ใครถูกก็ว่าถูก ตนให้นโยบายลูกน้องชัดเจนว่าต้องช่วยกันควบคุมเรื่องเหล่านี้ จะกระทำไปโดยเจตนาหรือไม่เจตนา แต่ถ้าเป็นการกระทำความผิดที่ฝืนกฎหมายและกระทบกับสังคม ตำรวจต้องทำหน้าที่
เมื่อถามถึงการขยายผลเชื่อมโยงไปยังเครือข่ายอิทธิพลนักการเมือง ยาเสพติด เว็บพนันออนไลน์ของลูกอดีตนักการเมืองใหญ่ และการฟอกเงินตามที่มีกระแสข่าว ผบช.ภ.9 กล่าวว่า ขณะนี้ยังไม่ไปถึง แต่ขึ้นกับการสอบสวน สอบไปถึงอย่างไรก็ว่าไปตามนั้น เกี่ยวพันใครเราดำเนินการหมด จึงต้องมีการโอนคดีไปยังกองปราบฯเพื่อดำเนินการในส่วนขยายผลเหล่านี้ต่อไป
"ยอมรับว่าพื้นที่จังหวัดสงขลาถูกจับตามองในเรื่องเครือข่ายผู้มีอิทธิพลและการเมืองสีเทา แต่ต้องยอมรับว่าบางทีเรื่องการสืบสวนและพยานหลักฐานมันไม่ได้ง่าย มันต้องใช้เวลา ใช้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องที่มีความชำนาญเฉพาะเรื่อง บางครั้งตำรวจในพื้นที่ก็มีความเชี่ยวชาญที่จำกัดในบางเรื่อง เราจึงต้องให้ส่วนกลางที่มีความเชี่ยวชาญแต่ละด้านเข้ามาช่วย จึงต้องมีการโอนคดีไปส่วนกลางตามคำสั่งผบ.ตร.ซึ่งผมก็ร่วมเป็นคณะกรรมการอยู่ด้วย"