ศูนย์ข่าวหาดใหญ่ - ตร.คุมตัว สจ.กอล์ฟ พร้อมลูกน้องรวม 7 คน ไปฝากขังที่ศาลจังหวัดสงขลาพร้อมคัดค้านการประกันตัว โดยตัว สจ.กอล์ฟกบ่าวเพียงสั้นๆ ระหว่างถูกคุมตัวว่า “ผมไม่ได้ทำ”
วันนี้ (14 พ.ค.) ความคืบหน้าคดี สจ.กอล์ฟ หรือ นายสิรดนัย พลายด้วง สจ.เขต 7 สงขลา ลูกชายของ โกถึก หรือ นายสมยศ พลายด้วง สส.เขต 3 สงขลา พรรประชาธิปัตย์ ที่สั่งลูกน้องไปทำร้าย ตชด.ที่คุมหน่วยเลือกตั้งจนได้รับบาดเจ็บ เพราะไม่พอใจที่ถูกห้ามถ่ายภาพตอนไปลงคะเลือกตั้งท้องถิ่น
ล่าสุด พนักงานสอบสวน สภ.เมืองสงขลา ได้ควบคุมตัวผู้ต้องหาทั้ง 7 คน ไปฝากขังที่ศาลจังหวัดสงขลา และคัดค้านการประกันตัว ทางตำรวจ สภ.เมืองสงขลา มีการจัดกำลังตำรวจมาดูแลความเรียบร้อยระหว่างออกจากห้องขังไปขึ้นรถ โดยระหว่างนำตัวขึ้นรถ สจ.กอล์ฟตอบเพียงสั้น ๆ ว่าผมไม่ได้ได้ทำพร้อมกับส่ายหัว
โดยผู้ต้องหาทั้ง 7 คน ประกอบด้วย 1.นายสิรดนัย พลายด้วง หรือ สจ.กอล์ฟ อายุ 28 ปี ผู้ต้องหาที่ 1 ในฐานะผู้ใช้จ้างวาน, 2.นายพงษ์เทพ วาดวิไล หรือ หนึ่ง ฟรีด้อม อายุ 41 ปี ผู้ต้องหาที่ 2 ในฐานะะรับคำสั่งจาก สจ.กอล์ฟ ตอนเกิดเหตุขับรถฟอร์จูนเนอร์และนั่งรอในรถ, 3.นายหนุ่มเสก ทองศรี อายุ 34 ปี ผู้ต้องหาที่ 3 คนชี้เป้าและยืนดูเหตุการณ์, 4.นายรพีพงศ์ สวัสดิ์ชูแก้ว อายุ 40 ปี ผู้ต้องหาที่4 คนเตะหน้า, 5.นายจักรพงษ์ เทพชุม อายุ 45 ปี ผู้ต้องหาที่ 5 คนใช้เก้าอี้ตี, 6.นายศศรัณย์ สง่าบ้านโคก อายุ38ปี ผู้ต้องหา6 คนใช้เก้าอี้ตี และ 7.นายสรายุทธ หนูชัยแก้ว อายุ 32 ปี ผู้ต้องหาที่7 คนขับรถกระบะดีแม็ค
โดยผู้ต้องหาทั้ง 7 คน ถูกดำเนินคดี 3 ข้อหา โดย นายสิรดนัย พลายด้วง ผู้ต้องหาที่ 1 ถูกแจ้งข้อหาร่วมกันตั้งแต่สามคนขึ้นไปต่อสู้หรือขัดขวางเจ้าพนักงานนการปฏิบัติการตามหน้าที่โดยใช้กำลังประทุษร้ายโดยใช้อาวุธ, ร่วมกันทำร้ายร่างกายเจ้าพนักงานซึ่งกระทำการตามหน้าที่หรือเพราะเหตุที่จะกระทำหรือได้กระทำการตามหน้าที่ โดยเป็นผู้ใช้ให้กระทำความผิด และข้อหาซ่องโจร
ส่วนผู้ต้องหาที่ 2-7 ถูกแจ้งข้อหาร่วมกันตั้งแต่สามคนขึ้นไปต่อสู้ขัดขวางเจ้าพนักงานในการปฏิบัติการตามหน้าที่โดยใช้กำลังประทุษร้าย โดยใช้อาวุธ,ร่วมกันทำร้ายร่างการเจ้าพนักงานซึ่งกระทำการตามหน้าที่หรือเพราะเหตุที่จะกระทำหรือได้กระทำตามหน้าที่ และข้อหาซ่องโจร
ส่วนบรรยากาศที่ สภ.เมืองสงขลา ในช่วงเช้าก่อนที่จะนำตัวไปฝากขังก็มีญาติและเพื่อนของทั้ง 7 คน มาเยี่ยมนำข้าวกล่องมาฝาก โดยเจ้าหน้าที่มีการตรวจสอบอย่างละเอียดก่อนนำเข้าไปให้ในห้องขัง และมีรายงานว่าสำหรับคดีนี้อาจเป็นไปได้ว่าจะมีการโอนคดีไปให้กองปราบดำเนินการต่อ
