สุราษฎร์ธานี – เจ้าหน้าที่สนธิกำลังจับกุมหนุ่มอิสราเอล มีใบอนุญาตทำงานเป็นผู้จัดการบริษัทซื้อ-ให้เช่าอสังหาริมทรัพย์ที่ภูเก็ต แต่มาเปิดกิจการรถเช่าที่เกาะพะงัน พบมี จยย.กว่า 90 คัน ปีที่ผ่านมามีกำไรกว่า 3 ล้านบาท โดยมีคนไทยยินยอมให้ใช้บัญชีทำธุรกิจ
วันนี้ (12 พฤษภาคม 2568) พ.ต.ท.เจริญชัย บุญเกลี้ยง สว.กก.สส. ภ.จว.สุราษฎร์ธานี นำกำลังหน่วยปฏิบัติการพิเศษกองกำกับการสืบสวนตำรวจภูธรจังหวัดสุราษฎร์ธานี ( ชุด ปะ ฉะ ดะ ) บูรณาการร่วม กับ ตำรวจ สภ.เกาะพะงัน ตำรวจท่องเที่ยว ฝ่ายปกครองอำเภอเกาะพะงัน ตรวจสอบ ที่บ้านเช่าไม่มีเลขที่ หมู่ 4 ต.เกาะพะงัน อ.เกาะพะงัน จ.สุราษฎร์ธานี จับกุมจับกุม นายพาเวล ฟาดีฟ ( MR.PAVEL FADEEV ) อายุ 38 ปี สัญชาติอิสราเอล
จากการตรวจสอบ พบของกลางรถจักรยานยนต์ จำนวน 15 คัน หมวกกันน็อค จำนวน 15 ใบ กุญแจรถจักรยานยนต์สำรอง จำนวน 109 ดอก สมุดเล่มทะเบียนรถจักรยานยนต์ จำนวน 51 เล่ม สัญญาเช่าซื้อ จำนวน 386 สัญญา โดยมียอดเงินหมุนเวียนในการทำธุรกิจ ผลกำไรในปีที่ผ่านมา ประมาณ 3 ล้านบาท จึงได้ควบคุมตัว นายพาเวล ไปทำการสอบปากคำที่ สภ.เกาะพะงัน
ในเบื้องต้น ผู้ต้องหาให้การรับสารภาพว่า ตนเองได้ประกอบธุรกิจ ซื้อ-เช่า อสังหาริมทรัพย์ ตำแหน่ง กรรมการผู้จัดการ ของบริษัท เวฟส์ จำกัด สำนักงานใหญ่ ตั้งอยู่ที่ อ.เมือง จ.ภูเก็ต โดยตนเอง มีใบอนุญาตทำงาน ในตำแหน่ง งานผู้จัดการทั่วไป และได้เดินทางมาเพื่อเปิดบริการรถเช่าในพื้นที่เกาะพะงัน โดยได้ดำเนินการผ่านเว็บไซต์ www.SHLEVICH.COM ในการติดต่อกับลูกค้า โดยมีรถจักรยานยนต์ให้บริการเช่าทั้งหมดจำนวน 90 คัน และให้ลูกค้าชาวต่างชาติเช่าไป เหลือที่ถูกจับกุม จำนวน 15 คัน ซึ่งวิธีการได้รถมาในการทำธุรกิจ ได้ติดต่อซื้อรถจักรยานยนต์ทางเฟซบุ๊กในราคาถูกจากชาวอิสราเอลด้วยกัน และจากชาวไทย เพื่อนำมาทำธุรกิจปล่อยเช่า ให้กับลูกค้าบนเกาะพะงัน
ชุดจับกุมได้เเจ้งข้อกล่าวหา “เป็นบุคคลต่างด้าวประกอบธุรกิจ ( รถเช่า ) โดยไม่ได้รับอนุญาต ,เป็นบุคคลต่างด้าวทำงานนอกเหนือสิทธิ์ที่จะทำได้ ” พร้อม ส่งตัวให้พนักงานสอบสวน สภ.เกาะพะงัน ดำเนินคดีต่อไป ขณะเดียวกัน ทางเจ้าหน้าที่ ยังได้สืบทราบว่ามี น.ส. แอลลี่ ( นามสมมติ ) สัญชาติไทย เป็นคนยินยอมให้ใช้บัญชีในการทำธุรกิจบริการรถซึ่งจะได้ตรวจสอบต่อไป
ด้าน พล.ต.ท.สุรพงษ์ ถนอมจิตร ผบ.ช.ภ.8 เผยว่า ทางตำรวจ ภูธรภาค 8 ได้รับการร้องเรียนอย่างต่อเนื่อง ใน เรื่องของชาวต่างชาติ แอบทำธุรกิจ ที่แย่งอาชีพคนไทย และ มีพฤติกรรม ที่ไม่เหมาะสม เอาเปรียบคนไทย จึงได้กำหนดมาตรการในการดูแลป้องกันการกระทำความผิด ของชาวต่างชาติไว้อย่างเป็นรูปธรรม พร้อมทั้งบังคับการใช้กฎหมายอย่างเด็ดขาด กับชาวต่างชาติ และต่างด้าว ที่แฝงตัวเข้ามาเพื่อจงใจกระทำผิดกฎหมาย เพื่อสร้างความเชื่อมั่นแก่พี่น้องประชาชน และ นักท่องเที่ยว ที่จะเดินทางเข้ามาท่องเที่ยวต่อไป