xs
xsm
sm
md
lg

แม่เก็บศพลูกชายวัย 13 ปี รอความเป็นธรรม หลังถูกกลุ่มวัยรุ่น ทำร้าย มึนหนัก แพทย์แจ้งตายเพราะมะเร็ง

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



ชุมพร - แม่เก็บศพลูกชายวัย 13 ปี เกือบ 2 เดือน รอความเป็นธรรม หลังถูกกลุ่มวัยรุ่น รุมทำร้ายสาหัส และเสียชีวิตในขณะรักษา วอนจับคนร้ายให้ได้ สุด งง! ผลการตายแพทย์ระบุป่วยมะเร็งเม็ดเลือดขาว ทั้งๆที่ก่อนเกิดเหตุแม่แจ้งเด็กถูกทำร้ายมา


แม่วัย 50 ปี ใจสู้เก็บศพลูกชายวัย 13 ปีนักเรียนชั้นม.1 หลังจากขับรถจยย.ไปเที่ยวคนเดียว ระหว่างทางถูกกลุ่มรุ่นพี่ 3 คน เรียกให้หยุดก่อนรุมทำร้ายสาหัส ทั้งที่ไม่เคยรู้จักมาก่อน พาร่างสะบักสะบอมฟกซ้ำกลับบ้านนอนซมเก็บตัวในห้องกลัวแม่รู้ สุดท้ายอาการหนักต้องหามส่งโรงพยาบาลนอนรักษาห้องไอซียู 5 วัน ก่อนเสียชีวิตแม่และญาติคาใจ เพราะในหนังสือรับรองการตายระบุเป็นโรคมะเร็งเม็ดเลือดขาว แม่และญาติลงความเห็นว่าจะเก็บศพไว้ที่วัด ร้องขอความเป็นธรรมจนกว่าตำรวจจะจับตัวกลุ่มวัยรุ่นได้ เพราะเชื่อว่าลูกชายไม่ได้เสียชีวิตเพราะเป็นมะเร็งเม็ดเลือดขาว เนื่องจากมีสุขภาพแข็งแรงดี

เมื่อเย็นวันที่ 7 พ.ค.68 ผู้สื่อข่าวได้เดินทางไปยังบ้านเลขที่ 61 หมู่ 15 บ้านเทพวังทอง หมู่ 15 ตำบลท่าข้าม อ.ท่าแซะ จ.ชุมพร พบกับ น.ส.โอ มา ทาน อายุ 50 ปี สัญชาติเมียนมา อาชีพรับจ้างกรีดยางพารา แม่ของเด็กชายอานนท์ แซ่ลิ้ม หรือน้องจอม อายุ 13 ปี พร้อมด้วย ร.ต.ท.หญิง เพ็ญจันทร์ พรหมเจียม ญาติฝ่ายสามี น.ส.โอ มา ทาน และ นายพรสันติ เผือกรอด อายุ 48 ปี เพื่อนบ้าน และนายจ้างของครอบครัวผู้เสียหาย ร่วมปลอบใจ

โดยน.ส.โอ มา ทาน เล่าเหตุการณ์ให้ฟังว่า ตนเองมีสามีเป็นชาวไทยชื่อ นายมานพ แซ่ลิ้ม อายุ 77 ปี แต่ได้เสียชีวิตไปแล้ว มีลูกด้วยกัน 1 คน คือเด็กชาย อานนท์ แซ่ลิ้ม อายุ 13 ปี เรียนอยู่ชั้น ม.1 โรงเรียนมัธยมในอำเภอท่าแซะ เมื่อช่วงสายๆของวันที่ 28 กุมภาพันธ์ 2568 ลูกชายได้ขออนุญาตขับรถจยย.ไปหาเพื่อนแล้วกลับเข้ามาบ้านประมาณตอนเที่ยง ตนเห็นว่ามีสีหน้าซีดๆถามก็ไม่ยอมบอก ไม่นานก็ออกไปบ้านเพื่อนอีกและกลับเข้ามาบ้านประมาณ 2 ทุ่มของวันที่ 1 มีนาคม เข้าบ้านอาบน้ำจะออกไปที่วัดต่อ ตนเห็นว่ามีรอยเขียวช้ำตามลำตัวและบริเวณหลัง ก็ไม่สบายใจจึงถามว่ามีคนตีมาใช่ไหม ลูกชายปฏิเสธบอกว่าล้มเอง หลังอาบน้ำเสร็จก็ออกไปวัดคุริงต่อ กลับมาประมาณ 3 ทุ่มครึ่ง เข้าห้องนอนและไม่ได้ออกไปไหนอีก


จนกระทั่งวันที่ 5 มีนาคม ลูกชายเริ่มเป็นไข้ ขอบตาเขียวเป็นรอยฟกช้ำ ตนร้องให้เสียใจมากเตือนแล้วอย่าไปบ้านคนอื่น จึงซื้อยาพาราให้กิน เอาผ้าเช็ดตัวลดไข้ วันที่ 7 กินข้าวไม่ได้ ถูกตัวก็ไม่ได้บอกว่าลูกเจ็บ ต่อมาชาวบ้านช่วยกันพาไปโรงพยาบาลท่าแซ ะก่อนจะส่งต่อไอซียูโรงพยาบาลชุมพรเขตอุดมศักดิ์ ทางหมอถามว่าไปทำอะไรมาถึงได้เขียวช้ำแบบนี้ แต่ทางลูกชายไม่ได้บอกอะไร

วันที่ 8 มีนาคม หมอใส่ท่อเครื่องช่วยหายใจ ลูกชายมีน้ำตาไหลออกตลอด เลือดทางปากจมูกเยอะ หมอบอกว่าน้องมีโอกาสเสียชีวิต ภายในช้ำมากให้แม่ทำใจ ต่อมาน้องจอมได้เสียชีวิตลงเมื่อประมาณเวลา 2 ทุ่ม 25 นาที ของวันที่ 11 มีนาคม จากนั้นแพทย์ออกหนังสือรับรองการตายระบุ สาเหตุการตาย “มะเร็งเม็ดเลือดขาว" ซึ่งทางญาติทุกคนมีความสงสัยและคาใจถึงสาเหตุการตายอย่างมาก

ด้าน ร.ต.ท.หญิง เพ็ญจันทร์ พรหมเจียม ญาติฝ่ายสามี น.ส.โอ มา ทาน กล่าวว่า สาเหตุการตายตนเห็นว่าอาจจะมีผลกับคดีหรือไม่ เนื่องจากว่าน้องถูกทำร้ายทางเจ้าหน้าที่โรงพยาบาลแจ้งว่า สาเหตุการตายไม่สามารถแก้ไขได้ หรือจะต้องนำศพผ่าพิสูจน์ สุดท้ายก็ให้ทางโรงพยาบาลสุราษฎร์ฯผ่าพิสูจน์ ตนเองเห็นข้อพิรุธว่า ตอนแรกทางญาติได้ประวัติการรักษามาแล้ว กำลังเอาไปให้มูลนิธิที่จะนำศพส่งไปผ่าพิสูจน์ แต่ทางคุณหมอโรงพยาบาลชุมพรโทรศัพท์มาหาแม่เด็ก บอกว่าประวัติการรักษาอันนั้นใช้ไม่ได้ต้องเอามาเปลี่ยนซึ่งพยายามโทรถี่มากๆเพื่อติดต่อให้เอามาเปลี่ยนให้ได้


จนสุดท้ายให้มูลนิธินำศพผ่าพิสูจน์การตายโดยเอาเอกสารประวัติการรักษาชุดใหม่ที่หมอเปลี่ยนให้ใหม่ติดไปด้วย ไม่เข้าใจว่าทำไมต้องมีการแก้ไขเปลี่ยนแปลง ประวัติการรักษาเป็นอันใหม่ และผลสาเหตุการตายของโรงพยาบาลสุราษฎร์คือ “มะเร็งเม็ดเลือดขาว” ซึ่งไม่มีรายละเอียดเกี่ยวกับการถูกทำร้ายเลย

ร.ต.ท.หญิง กล่าวอีกว่า หากเด็กเสียชีวิตด้วยมะเร็งเม็ดเลือดขาวจริง อาจจะยอมรับในส่วนนั้น แต่เด็กก่อนเสียชีวิต เด็กถูกทำร้ายมาก่อนแล้วทางแม่เด็กก็ได้แจ้งความว่าลูกชายถูกทำร้ายทางคดียังไม่มีความคืบหน้า หรือจะปล่อยให้คนร้ายลอยนวล ไม่ต้องรับโทษเหรอ ทางเราต้องการให้เจ้าหน้าที่ตำรวจหาตัวกลุ่มคนทำร้ายน้องมาดำเนินคดีตามกฎหมาย เพื่อขอความเป็นธรรมให้คนตาย

ทางด้าน นายพรสันติ เผือกรอด เพื่อนบ้านเล่าว่าก่อนที่น้องจอมจะเสียชีวิต ขณะนั้นตนได้เข้าเยี่ยมอาการน้องจอมยังพอพูดได้บ้างน้องจอมเล่าว่า ได้ขี่จยย.ออกจากบ้านเพื่อนที่นิคม4 จะไปเที่ยวน้ำตกแก่งกะอิ แล้วแวะซื้อเครื่องดื่มที่ร้านค้า หลังจากนั้นขับรถจยย.ออกมาแวะโต๊ะสนุกดูเขาเล่นกัน ก่อนขับจยย.ออกแก่งกะอิ ระหว่างทางเจอผู้ชาย3 คน เขาบอกว่าน่าจะรุ่นพี่หมายถึงอายุมากกว่าสัก 1-2 ปี น่าจะเป็นนักเรียนแต่ไม่รู้ว่าอยู่โรงเรียนไหน ตนถามว่ารู้จักไหม น้องจอมบอกว่าไม่รู้จัก กวักมือเรียกให้จอดจากนั้นก็มีเรื่องตีกัน น้องจอมบอกว่าเขาก็ชกฝ่ายตรงข้ามไป 2-3 ทีเหมือนกัน หลังจากโดนรุมตีรู้สึกเจ็บแต่ก็ยังขับรถกลับบ้านเองได้


เวลาต่อมา น.ส.โอ มา ทาน และ ร.ต.ท.หญิง เพ็ญจันทร์ พร้อมเพื่อนบ้านเดินทางไปยัง วัดหอระฆัง หมู่ 4 ตำบลนากระตาม อ.ท่าแซะ จ.ชุมพร ซึ่งเป็นที่เก็บศพของเด็กชาย อานนท์ หรือน้องจอม โดยร่างได้บรรจุอยู่ในหีบศพแช่ไว้ในโลงเย็นฝากไว้ภายในห้องใกล้เมรุ มีประตูเหล็กล็อคกุญแจไว้อย่างแน่นหนา น.ส.โอ มา ทาน ผู้เป็นแม่ได้ไขกุญแจเปิดเข้าไป ร้องให้สะอื้นน้ำตาไหลอาบแก้ม พร้อมกับเคาะโลงบอกว่า “แม่มาแล้วนะ ขอให้จับคนร้ายได้เร็วๆนะลูกนะ”

เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่าจะเผาร่างน้องเมื่อไหร่ น.ส.โอ มา ทาน บอกว่าให้จับคนร้ายได้ก่อนถึงจะเผา แม้ว่าจะต้องเสียค่าเช่าโลงแอร์ให้ร้านวันละ 500 บาท ถึงวันนี้รวม 49 วัน ตนก็ยอมเสีย เพื่อเรียกร้องความเป็นธรรมให้ลูกชายไม่ตายฟรี ซึ่งตนเชื่อว่าการที่ลูกชายเสียชีวิต ต้นเหตุมาจากการถูกทำร้ายเพราะลูกชายบอกเองว่าถูกทำร้าย ไม่ใช่ป่วยเป็นมะเร็งเม็ดเลือดขายตามที่แพทย์ระบุเป็นไปไม่ได้ เพราะลูกชายมีสุขภาพแข็งแรงดีมาตลอด


กำลังโหลดความคิดเห็น