นราธิวาส - แม่เด็กวัย 9 ขวบรอดตายหวุดหวิดจากเหตุยิงถล่มบ้านที่ อ.ตากใบ เผยนาทีมรณะ คนร้ายมากัน 3 คัน จอดบ้านละหลังก่อนเปิดฉากยิงถล่ม ลูกสาวนั่งข้างกำลังดูทีวีด้วยกัน อีกหลัง คนตายวิ่งออกมา เจอยิงจนแขนหักเสียชีวิตคาที่ ส่วนหลังที่สามรอดตาย เพราะออกไปงานบุญนอกพื้นที่
วันนี้ (3 พ.ค.) พล.ท.ไพศาล หนูสังข์ แม่ทัพภาคที่ 4 ผอ.รมน.ภาค 4 พร้อมด้วย พล.ต.ต.ไมตรี สันตยากุล ผบก.ภ.จว.นราธิวาส และเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง ได้ตรวจสอบพื้นที่เกิดเหตุคนร้ายใช้อาวุธปืนสงครามยิงใส่บ้านของชาวบ้าน จำนวน 3 หลัง ในพื้นที่บ้านปลักปลา ม.5 ต.โฆษิต อ.ตากใบ จ.นราธิวาส ทำให้มีผู้เสียชีวิต 3 รายและได้รับบาดเจ็บ 2 ราย เหตุเกิดเมื่อเวลา 19.38 น. ของคืนวานนี้
นางเฉลิมศรี เรือนสังข์ หนึ่งในผู้ที่อยู่ในเหตุการณ์และรอดตายมาอย่างหวุดหวิด แต่ต้องสูญเสียบุตรสาวคือ ด.ญ.สสิตา จันทร์คง อายุ 9 ขวบ เปิดเผยว่า คนร้ายมี 6 คน ขี่รถจักรยานยนต์ 3 คันเป็นพาหนะ โดยคันแรกมาจอดที่หน้าบ้านตน คนร้ายที่นั่งซ้อนท้ายได้ใช้อาวุธปืนยิงถล่มเข้าไปในบ้านที่ได้แง้มประตูไว้ ซึ่งตนนั่งอยู่ข้างลูกสาว ส่วนนายแดง ตุนาสุข รวมทั้งนายภาคีไนย รังเสาร์ และนายเชาว์ จันทร์คง สามีนั่งอยู่อีกกลุ่มหนึ่ง กำลังนั่งดูทีวี ทำให้นายแดงและลูกสาวตนถูกกระสุนปืนของคนร้ายเสียชีวิต ส่วนนายภาคีไนยและนายเชาว์ สามี ได้รับบาดเจ็บ ส่วนตนรอดตายไปได้อย่างหวุดหวิด
คนร้ายชุดที่ 2 ได้มาจอดรถอยู่หน้าบ้านติดอยู่กับบ้านตน ในขณะเกิดเหตุนายดำ จันทร์คง ได้วิ่งออกมาจากบ้านพบคนร้าย คนร้ายที่นั่งซ้อนท้ายได้ใช้อาวุธปืนยิงใส่ร่างนายดำหลายนัด ถูกที่ซี่โครงซ้ายและแขนซ้ายจนหัก เสียชีวิต
ส่วนคนร้ายชุดที่ 3 ได้ไปจอดหน้าบ้านของนายจบ ชันสิทธิ์ คนร้ายที่นั่งซ้อนท้ายได้ใช้อาวุธปืนยิงถล่มใส่เข้าไปในบ้านถูกที่เสาบ้านด้านซ้ายมือและขวามือ รวม 2 นัด โดยที่นายจบ และสมาชิกในครอบครัวไม่อยู่บ้าน ซึ่งได้เดินทางไปร่วมงานบุญนอกพื้นที่ หลังจากนั้นคนร้ายได้หลบหนีไป โดยมุ่งหน้าที่ไปตามเส้นทางที่มุ่งสู่ อ.สุไหงโก-ลก
เมื่อเสียงปืนสงบลงนางเฉลิมศรี ตั้งสติได้จึงได้ขอความช่วยเหลือเพื่อนบ้านนำตัวผู้ได้รับบาดเจ็บส่งรักษาที่โรงพยาบาลตากใบ แต่นายแดง ด.ญ.สสิตา บุตรสาวได้เสียชีวิตในเวลาต่อมา ส่วนนายดำ เมื่อเจ้าหน้าที่รับแจ้งเหตุจึงได้ช่วยกันนำร่างนายดำส่งโรงพยาบาลตากใบ เพื่อให้แพทย์ทำการชันสูตรพลิกศพดังกล่าว
จากการตรวจสอบหลักฐานในที่เกิดเหตุ จุดที่ 1 บ้านของนางเฉลิมศรี พบร่องรอยของกระสุนปืนที่บริเวณฝาผนังปูนด้านขวามือ 2 จุด และกระสุนทะลุประจูไม้เข้าไปถูกชาวบ้านเสียชีวิต 2 ราย บาดเจ็บ 2 ราย โดยเจ้าหน้าที่พบปลอกกระสุนปืนที่บริเวณแคร่ไม้ไผ่หน้าบ้าน จำนวน 10 นัด ส่วนจุดที่ 2 หน้าบ้านของนายดำ ที่นอนเสียชีวิต เจ้าหน้าที่ปลอกกระสุนปืนเอ็ม 16 จำนวน 8 ปลอก ส่วนจุดที่ 3 ซึ่งเป็นหน้าบ้านของนายจบ เจ้าหน้าที่พบปลอกกระสุนปืนพก ขนาด 9 ม.ม.ตกอยู่ จำนวน 9 ปลอก เจ้าหน้าที่จึงได้เก็บรวบรวมไว้เป็นหลักฐาน
ต่อมา พล.ท.ไพศาล หนูสังข์ แม่ทัพภาค 4 ได้เดินทางไปยังวัดสิทธิสารประดิษฐ์ หรือ วัดโคกยาง เพื่อพบปะเครือญาติและชาวบ้านที่มาช่วยเหลือเตรียมจัดพิธีงานศพ นายแดง ตุนาสุข และได้เดินทางไปยังวัดโคกม่วง เพื่อพบปะเครือญาติและชาวบ้านที่มาช่วยเหลืองานศพ ด.ญ.สสิตา จันทร์คง และนายดำ จันทร์คง ที่ทั้ง 2 คน เป็นเครือญาติกัน ได้เสียชีวิตจากเหตุการณ์ดังกล่าว พร้อมแสดงความเสียใจต่อเหตุที่เกิดขึ้น และได้มอบเงินจำนวนหนึ่งช่วยเหลืองานศพของทั้ง 3 ราย
ก่อนเดินทางกลับ พล.ท.ไพศาล หนูสังข์ แม่ทัพภาคที่ 4 กล่าวว่า ช่วงที่ผ่านมาตั้งแต่เกิดเหตุในพื้นที่ เมื่อ 18 เม.ย.68 ได้กำชับหน่วยในมาตรการการป้องกัน ก็ห่วงว่าการก่อเหตุของขบวนการที่มีต่อผู้นำศาสนา ก็บิดเบือนว่าเป็นฝีมือของเจ้าหน้าที่รัฐ จากการตรวจสอบขบวนการอยู่เบื้องหลัง ที่นำไปสู่การก่อเหตุต่อพี่น้องไทยพุทธต่างๆ ตอบโต้ไปสู่เป้าหมาย จึงได้ย้ำในเรื่องของมาตรการรักษาความปลอดภัย ในชุมชนต่างๆเจ้าหน้าที่ทั้งหมดงดลา เพื่อให้ทำงานได้เต็มที่ 100 เปอร์เซ็นต์ เน้นย้ำในเรื่องการนำเอาผู้นำท้องที่ต่างๆ ชรบ.มาร่วมกันรักษาความปลอดภัย กำชับหน่วยในเรื่องของมาตรการการเดินทางต่างๆของไทยพุทธและมุสลิม กิจกรรมที่ล่อแหลมต่างๆก็ยังเกิดช่องว่าง ที่ก่อเหตุทั้ง 2 เหตุการณ์วานนี้ที่จะแนะและตากใบ
“ มาตรการที่เพิ่มเติมก็คือว่า ก็ให้นายอำเภอฝ่ายปกครอง ร่วมกับตำรวจทหาร ในแต่ละพื้นที่ชุมชนไหนที่ล่อแหลมอยู่ การใช้ชีวิตประจำวันให้การคุ้มครองมากขึ้น แต่ละคนต้องทำอะไรบ้างคือทำอะไรต้องมีมาตรการรักษาความปลอดภัย ช่องว่างที่ฝ่ายตรงกันข้ามจะก่อเหตุช่วงละหมาดตอนค่ำต่างๆ ซึ่งที่ผ่านมาฝ่ายตรงกันข้ามก่อเหตุ คือที่ก่อเหตุ สภ.โคกเคียนเมื่อวันที่ 20 เม.ย. หรือ เหตุการณ์ยิงชาวบ้านที่ อ.แว้ง และเมื่อวานเช่นเดียวกันที่ก่อเหตุ คือ ช่วงเวลาที่ ชรบ.ไปละหมาด ก็อาจจะมีการปรับแบ่งในภารกิจ ในส่วนของเจ้าหน้าที่เองก็อยู่ในมาตรการ 100 เปอร์เซ็นต์แล้วก็ตาม ต้องดูวางกำลังไหนไม่พอเพียง อาจมีการพิจารณาส่วนอื่นมาดูแลส่วนที่ล่อแหลมเป็นการเพิ่มเติม “ พล.ท.ไพศาล กล่าว