นครศรีธรรมราช – ศึกชิงวัดยังวุ่น ชาวบ้านยันไม่ยอมรับพระสงฆ์ถูกส่งมารักษาการเจ้าอาวาส หลังหลวงพ่อเพชรมรณภาพ กลับไปแจ้งความลักทรัพย์ย่ามหลวงพ่อเพชร กลายเป็นหน้าแหกพบอยู่ในความดูแลของพระอุปัฎฐากหลวงพ่อเพชร ยืนยันความบริสุทธิ์พร้อมให้ตรวจสอบ
วันนี้ (2 พ.ค.) มีรายงานว่าหลังจากทายก ทายิกา ซึ่งล้วนแต่เป็นชาวชุมชนรอบวัดสโมสรสันนิบาต หรือวัดนาแล ต.เสาเภา อ.สิชล จ.นครศรีธรรมราช ได้แสดงออกร่วมกันปฏิเสธกลุ่มพระสงฆ์ที่พยายามเข้ามาบริหารจัดการวัด โดยที่พุทธศาสนิกชนรอบวัดได้รับรู้ถึงพฤติกรรมบางอย่างและร่วมกันปฏิเสธและตั้งข้อสังเกตถึงความไม่โปร่งใส รวมทั้งวัตรปฏิบัติของกลุ่มพระสงฆ์ที่อยู่เบื้องหลังบางราย
ซึ่งล่าสุดนั้นได้สร้างความไม่พอใจให้กับทายกทายิการอบวัดอย่างรุนแรงอีกครั้ง หลังจากที่ พระสุรศักดิ์ จิตต์มั่น ในฐานะรักษาการเจ้าอาวาสวัดสโมสรสันนิบาต หรือวัดนาแล ได้เข้าแจ้งความร้องทุกข์กับพนักงานสอบสวน สภ.สิชล เมื่อวันที่ 29 เม.ย.68 ที่ผ่านมา ให้ดำเนินคดีกับผู้กระทำความผิดฐานลักทรัพย์ โดยอ้างระบุทรัพย์สินที่สูญหายไปคือ ย่ามสีชมพู อ้างว่าในย่ามมีเงินสดประมาณ 10,000 บาท กุญแจตู้เอกสารของวัด กุญแจตู้บริจาค กุญแจตู้เก็บเงิน รวม 40 ดอก ของใช้ส่วนตัวช้อนส้อม กระเป๋า ผ้ารับประเคน
หลังจากที่มีการแจ้งความ ร.ต.อ.หญิง ทิพย์วิมล ลีละวัฒน์ พนักงานสอบสวน สภ.สิชล เจ้าของคดี ได้เข้ามาตรวจสอบข้อมูล โดยมีพระลูกวัดที่เป็นผู้ดูแลหรือพระอุปัฎฐาก หลวงพ่อเพชร ขณะไม่สามารถช่วยตัวเองได้ โดยมีพระอุปัฏฐากคอยดูแลการขับถ่ายขณะอยู่ที่โรงพยาบาลมหาวิทยาลัยวลัยลักษณ์ และโรงพยาบาลสิชลจนถึงแก่มรณภาพ
พระอุปัฎฐากทั้ง 2 รูปเมื่อรู้ว่ามีการแจ้งความลักทรัพย์ถึงกับเปรยว่าคนจะกลั่นแกล้งกันทำกันได้ทั้งนั้น พร้อมทั้งให้ข้อมูลและนำย่ามสีม่วงมามอบให้พนักงานสอบสวน โดยมีพระอาวุโสในตำแหน่งรองเจ้าอาวาสครั้งก่อนหลวงพ่อเพชรมรณภาพ ยืนยันว่าย่ามและทรัพย์สินในย่ามผ้าครองจีวรสบงทั้งหลายนั้นเป็นสิทธิ์ที่พระอุปัฏฐากหลวงพ่อเพชรควรได้รับโดยชอบตามวินัย พร้อมทั้งระบุว่าถึงขั้นแจ้งความลักทรัพย์นั้นเป็นเรื่องใหญ่มากและเห็นว่าเป็นการแจ้งเท็จ
ขณะที่พระอุปัฎฐากหลวงพ่อเพชรระบุว่า ข้อเท็จจริงคือหลวงพ่อเพชรได้เปลี่ยนย่ามสีชมพูไปราว 1 ปีที่ผ่านมา หลังจากไปรักษาตัวที่ รพ.วลัยลักษณ์ เนื่องจากย่ามสีชมพูแพทย์พยาบาลเห็นว่าเก่ามากแล้วได้ถวายย่ามมีม่วงตราของงานมหาวิทยาลัย หลังจากนั้นใช้มาตลอด ส่วนในย่ามนั้นจะมีเงินหลวงพ่อที่ได้มาจากการทำบุญของญาติโยม ที่ได้หยิบใส่ย่ามไปใช้ที่โรงพยาบาลก่อนมรณภาพโดยไม่รู้ว่าเป็นเงินแค่ไหน โดยมีพระอุปัฏฐากเป็นผู้หยิบใช้จ่ายจะมีค่าผ้าอ้อมสำหรับผู้ใหญ่เวลาขับข่าย นมสำหรับบำรุงร่างกาย ค่าใช้จ่ายอื่น ๆ ค่าภัตตาหารของพระอุปัฎฐากขณะที่อยู่โรงพยาบาล และยินดีให้มีการตรวจสอบและพร้อมจะรับโทษหากเห็นว่าเป็นการลักทรัพย์
ขณะที่ชาวบ้านรอบวัดมาติดตามการตรวจสอบของเจ้าหน้าที่ได้ระบุถึงความไม่พอใจในการแจ้งความมองว่า เป็นการจงใจกลั่นแกล้งผู้เกี่ยวข้องก่อนหลวงพ่อเพชรมรณภาพ ขณะที่พระรักษาการเจ้าอาวาสที่ถูกแต่งตั้งมานั้นไม่ได้ปรากฎตัว ส่วนทายกทายิกาแต่ทุกคนอยู่ในความสงบบันทึกภาพการตรวจสอบตลอดเวลา และเมื่อมีการเปิดย่ามบันทึกภาพพบว่ามีเงินเหลืออยู่ 4,480 บาท ผ้าประเคน และน้ำมันหอมระเหย พระเครื่องของหลวงพ่อเพชร โดยการเก็บไว้ของพระอุปัฎฐากเป็นที่รับรู้ของพระภายในวัดแต่เดิม และโยมอุปัฎฐากทุกคนที่ได้ร่วมดูแลหลวงพ่อเพชรก่อนมรณภาพ
ส่วนกุญแจนั้นพระในวัดได้ส่งให้กับคณะผู้ตรวจสอบไปแล้ว โดยคณะผู้ตรวจสอบได้นำไปเปลี่ยนกุญแจอื่นทั้งวัด นอกจากนั้นมีการตรวจสอบเงินของวัดพบว่ามีอยู่ใน 25 บัญชี รวมประมาณ 15 ล้านบาทเศษ และยังอยู่ในระหว่างตรวจสอบเพิ่มเติม ขณะที่ชาวบ้านจะนัดหมายมาร่วมกันแสดงออกใหม่ครั้งใหญ่ในการไม่ยอมรับกลุ่มพระสงฆ์ที่เข้ามาจัดการวัด ในวันที่ 4 พฤษภาคม 2568 อีกครั้ง
