xs
xsm
sm
md
lg

“สว.ไชยยงค์” ห่วงชุมชนไทยพุทธ ถูกกราดยิง 2 ครั้งในรอบ 7 วัน ขอ กอ.รมน.ภาค 4 ส่วนหน้ายกระดับการดูแลเป็นพิเศษ

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



วันนี้ (28 เม.ย.) นายไชยยงค์ มณีรุ่งสกุล สว.กลุ่ม 18 จากจังหวัดสงขลา กล่าวถึงสถานการณ์การก่อการร้าย โดยกองกำลังติดอาวุธของขบวนการแบ่งแยกดินแดน ที่พุ่งเป้าไปยังชุมชนไทยพุทธใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้และ 4 อำเภอของ จ.สงขลาว่า ในรอบ 7 วันที่ผ่านมา ชุมชนไทยพุทธถูกซุ่มโจมตีด้วยการกราดยิงด้วยอาวุธปืนสงครามไปแล้ว 2 ครั้ง ครั้งแรกที่บ้านฆอเลาะทูแว ต.แว้ง อ.แว้ง จ.นราธิวาส ทำให้มีผู้บาดเจ็บ 7 ราย ครั้งที่ 2 ที่สวนปาล์มในพื้นที่ หมู่ 2 ต.สุไหงปาดี จ.นราธิวาส ในขณะที่ชาวบ้านอยู่ระหว่างการตัดปาล์ม ซึ่งแม้ครั้งนี้จะไม่มีใครได้รับบาดเจ็บ

“เชื่อว่าการโจมตีชุมชนไทยพุทธและคนไทยพุทธในพื้นที่ชายขอบคงจะไม่หยุดเพียง 2 เหตุการณ์ ต้องเกิดขึ้นอีก เพราะบีอาร์เอ็นมีเป้าหมายทำร้ายคนไทยพุทธ เพื่อเป็นการแก้แค้น ที่แกนนำของบีอาร์เอ็นถูกยิงเสียชีวิตใน ต.ปาเสมัส อ.สุไหงโก-ลก จ.นราธิวาส และ เจ้าหน้าที่ไม่มีความคืบหน้าในการคลี่คลายคดี และบีอาร์เอ็นเชื่อว่า เป็นฝีมือของเจ้าหน้าที่รัฐ”

นายไชยยงค์ กล่าวว่า ดังนั้นจึงของให้ กอ.รมน.ภาค 4 ส่วนหน้าเร่งยกระดับในการดูแล ชุมชนไทยพุทธในส่วนที่เป็นชุมชนเล็กๆ ในพื้นที่ชายขอบ ที่ยังอยู่อย่างกระจัดกระจาย เพื่อป้องกันอย่าให้กลายเป็นเป้าหมายในการก่อเหตุของแนวร่วมและกองกำลังติดอาวุธของบีอาร์เอ็นในพื้นที่ โดยเฉพาะใน จ.นราธิวาส ที่มีการก่อเหตุอย่างต่อเนื่อง อย่างเช่น ชุมชนไทยพุทธบ้านวังหิน ที่อยู่ใกล้วัดเนรัญชราวาส ต.บันนังสตา อ.บันนังสตา จ.ยะลา จำนวน 10 กว่าครอบครัว ที่เมื่อก่อนมีกำลังทหารอยู่ดูแลชาวบ้านในหมู่บ้าน แต่ปัจจุบัน ทหารย้ายไปตั้งฐานในวัดเนรัญชราวาส ซึ่งอยู่ห่างจากที่ตั้งของชุมชนไทยพุทธ และมีการ ลาดตระเวน เพื่อรักษาความปลอดภัยวันละ 30 นาทีเท่านั้น ทำให้ชุมชนแห่งนี้ไม่มีความปลอดภัย และขอเรียกร้องให้ทหารลงมาอยู่กับประชาชนในหมู่บ้านเหมือนเดิม หรือไม่ก็ให้มีการความถี่ในการลาดตระเวนมากขึ้น ซึ่งได้มีการติดต่อประสานงานกับหัวหน้าฐานปฏิบัติการ และนายทหารระดับ ผบ.ฉก.แล้ว แต่ยังไม่มีการปรับเปลี่ยน อย่างนี้เป็นต้น
 
นายไชยยงค์ กล่าวต่อไปว่า วันนี้ ฐานปฏิบัติการในแต่ละพื้นที่ ทั้งที่เป็นของทหารพราน และที่เป็นของฝ่ายปกครอง เช่น ชุดคุ้มครองตำบล หรือ ชคต. ที่ตั้งฐานปฏิบัติการในพื้นที่ของ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ ไม่ได้ให้ความคุ้มครองความปลอดภัยของประชาชนอย่างแท้จริง เพราะแต่ละฐานปฎิบัติการต่างต้องคุ้มครองฐานของหน่วย อย่าให้ถูกโจมตีจากกองกำลังติดอาวุธ รวมทั้งต้องคุ้มครองตนเอง ในการลาดตระเวน อย่าให้ถูกวางระเบิดแสวงเครื่อง และซุ่มโจมตีด้วยอาวุธ รวมทั้งต้องคุ้มครองตนเองในการเดินทางกลับบ้าน ในการลาพักและเดินทางกลับฐานว่าทำอย่างไร ถึงจะไม่ถูกซุ่มโจมตี

ดังนั้น จึงไม่สามารถป้องกันเหตุ และป้องกันประชาชนให้มีความปลอดภัย จึงขอให้ กอ.รมน.ภาค 4 ส่วนหน้าคำนึงถึงความเป็นจริง และปรับเปลี่ยนยุทธวิธีให้สอดคล้องกับสภาพของความเป็นจริง เพื่อให้การรักษาความปลอดภัยให้แก่ชุมชนไทยพุทธ อย่าให้กลายเป็นเป้าในการโจมตีของกองกำลังติดอาวุธ ที่เกิดขึ้นแล้ว 2 ครั้งในรอบ 7 วันที่ผ่านมา
 
ปัญหาความรุนแรงในจังหวัดชายแดนภาคใต้ อย่าให้จบลงที่การนำพวงหรีดไปเคารพศพ การนำเงินไปเยียวยาครอบครัวผู้สูญเสีย หรือมอบเหรียญบางระจันให้กำลังพลที่สูญเสีย และการขอโทษในความผิดพลาด เพราะสิ่งที่ประชาชนต้องการเห็นคือ หยุดการก่อความรุนแรง และหยุดการสูญเสียทั้งชีวิตและทรัพย์สินของประชาชน และเจ้าหน้าที่รัฐ


กำลังโหลดความคิดเห็น