ชุมพร - ชาวบ้านกว่า 300 คน บุกศาลากลางชุมพร ทวงถามที่ดินหมดสัมปทานนาน 10 ปี ยังปล่อยให้ยืดเยื้อ มีกลุ่มบุคคลเข้าไปเก็บเกี่ยวผลผลิต รายได้เดือนละ นับร้อยล้าน ขอให้นำมาจัดสรรให้คนยากจน
เมื่อเวลา 10.30 น.วันนี้ ( 25 เมษายน 2568 ) ที่ลานหน้าศาลากลางจังหวัดชุมพร นายประคอง จิตรประสงค์ หรือ "ผู้ใหญ่หญีต" อายุ 64 ปี อดีตผู้ใหญ่บ้านหมู่ 13 ตำบลหงษ์เจริญ อ.ท่าแซะ จ.ชุมพร และ เป็นอดีตทหารผ่านศึก เป็นตัวแทนชาวบ้านและทหารผ่านศึก จากพื้นที่ต่างๆใน จ.ชุมพร กว่า 300 คน ขอพบ นายเธียรชัย ชูกิตติวิบูลย์ ผวจ.ชุมพร เพื่อสอบถามกรณีสวนปาล์มน้ำมันหมดสัญญาสัมปทานมานานตั้งแต่ปี 2558 จนถึงปัจจุบันนาน 10 ปีแล้ว ซึ่งสวนปาล์มดังกล่าวอยู่ในเขตป่าสงวนแห่งชาติป่ารับร่อ-สลุย มีพื้นที่สัมปทานทั้งหมดจำนวน 23,366 ไร่
แต่ยังมีกลุ่มบุคคลเข้าไปเก็บเกี่ยวผลผลิตมาอย่างต่อเนื่อง ขณะที่ชาวบ้านได้ทำหนังสือร้องเรียน สอบถามหน่วยงานเกี่ยวข้องหลายครั้งแล้ว กลับอ้างเพียงว่า ศาลปกครองกลาง ศาลปกครองสูงสุด มีคำสั่งให้ความคุ้มครองอยู่ และอยู่ระหว่างดำเนินการตามกระบวนการทางกฎหมาย ซึ่งที่ผ่านมาได้รับคำตอบที่ไม่ชัดเจน ปล่อยให้ยืดเยื้อมานานนับ 10 ปี ตอนนี้ชาวบ้าน ต้องการให้นำมาจัดสรรให้กับชาวบ้านและอดีตทหารผ่านศึกในพื้นที่ จ.ชุมพร ได้มีที่ทำกินเลี้ยงชีพ
ต่อมาได้มี นายสุทธิภัทร วัฒนพงศ์ไพบูลย์ ป้องกันจังหวัดชุมพร นางสาวโสภาวรรณ โพธิ์โพ้น ผอ.กลุ่มงานศูนย์ดำรงธรรมจังหวัดชุมพร และนายจักกรี ตั้งอั้น เจ้าพนักงานป่าไม้อาวุโส สำนักงานทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม จ.ชุมพร ลงมาพบกับชาวบ้าน เนื่องจากทางผู้ว่าราชการจังหวัด รองผู้ว่าราชการจังหวัด ติดภาระกิจงานพิธีสำคัญ
โดยนายประคอง ตัวแทนชาวบ้าน ได้สอบถามถามถึงกรณี สวนปาล์มน้ำมันของบริษัท วิจิตรภัณฑ์ จำกัด ในพื้นที่ ป่ารับร่อ-สลุย อ.ท่าแซะ จ.ชุมพร จำนวนกว่า 2 หมื่นไร่ หมดสัมปทานมานาน 10 ปีแล้ว ว่า ตอนนี้พื้นที่ยังเป็นของบริษัทสัมปทานหรือของรัฐ และที่อ้างว่ามีคำสั่งศาลปกครองคุ้มครอง มีคำสั่งคุ้มครองอย่างไร มีเงื่อนไข วิธีการอย่างไร ทั้งที่สวนปาล์มหมดสัมปทานนาน 10 ปีแล้ว ทำไมยังมีกลุ่มบุคคลเข้าไปเก็บเกี่ยวผลปาล์อยู่ แล้วทำไมจึงปล่อยให้ยืดเยื้อมานานนับ 10 ปี ผลผลิตที่มีกลุ่มบุคคลคลเข้าไปเก็บเกี่ยวเป็นใครมาจากไหน ใครรับผลประโยชน์
ด้าน นายจักกรี ตั้งอั้น เจ้าพนักงานป่าไม้อาวุโส สำนักงานทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม จ.ชุมพร กล่าวว่า กรณีพื้นที่หมดสัมปทาน ทางผู้ว่าราชการจังหวัดชุมพร ได้มีหนังสือลงความเห็นว่าไม่เห็นควรต่อสัญญาสัมปทานอีก ถึงรัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ไปแล้ว และเรื่องอยู่ระหว่างดำเนินการของคณะกรรมการพิจารณาฯ และ จะเข้าที่ประชุมพิจารณาในวันที่ 29 เมษายน 68 นี้ ว่า จะต่อหรือไม่ต่อสัญญาสัมปทานให้กับบริษัทเอกชน
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า คำถามที่ตัวแทนชาวบ้านถาม ว่า ระหว่างนี้ตอนนี้ใครเป็นเจ้าของพื้นที่ป่าหมดสัมปทานรัฐหรือเอกชน ซึ่งเจ้าหน้ายังไม่มีคำตอบให้ชาวบ้าน ส่วนเรื่องที่ชาวบ้านอยากเห็นอยากรู้คำสั่งของศาลปกครอง ว่ามีเนื้อหาเงื่อนไขแนวทางปฎิบัติระบุไว้อย่างไร เพราะนาน 10 ปีแล้ว โดยเจ้าหน้าที่บอกว่าไม่สามรถบอกและให้ดูได้ เพราะอาจกระทบข้อมูลส่วนบุคคล ให้ตัวแทนหรือผู้เกี่ยวข้องได้ยื่นเรื่องขอเอกสารตามขั้นของ พรบ.ข้อมูลข่าวสาร กับทางจังหวัดได้ ทำให้ชาวบ้านถึงกับส่งเสียงโห่ร้องแบบไม่พอใจในคำตอบ ขณะที่เจ้าหน้าที่ก็รีบกลับขึ้นไปบนศาลากลางจังหวัดชุมพรทันที
ต่อมานายประคอง ตัวแทนชาวบ้านได้เดินทางขึ้นไปที่ สำนักงานศูนย์ดำรงธรรมจังหวัดชุมพร ซึ่งตั้งอยู่บนศาลากลางจังหวัด เพื่อเขียนคำร้องผ่านถึงผู้ว่าราชการจังหวัดชุมพร เรื่องขอเอกสารเกี่่ยวกับการสัมปทานที่ดินของ บริษัท วิจิตรภัณฑ์ จำกัด คำพิพากษาหรือคำสั่งศาลปกครองกลาง ศาลปกครองสูงสุด ระหว่างป่าไม้กับ บริษัท วิจิตรภัณฑ์ จำกัด สรรพเอกสารที่เกี่ยวข้องของส่วนราชการที่มีคำสั่งหรือดำเนินการกับบริษัทฯ คำสั่งกรมป่าไม้ ใบอนุญาตของกรมป่าไม้ ให้บริษัทฯเข้าทำประโยนช์ในรายปี ตั้งแต่ พ.ศ.2558 จนกึง พ.ศ.2568 ตามที่มีอยู่
หลังจากนั้นนายประคองไ ด้ลงมาพบกับชาวบ้าน พร้อมกับกล่าวว่า พวกเรามาในวันนี้ยังไม่ได้รับคำตอบอะไรที่ชัดเจนจากหน่วนงานรัฐเลย ขอให้ทุกคนกลับบ้านไปก่อน แล้วใครที่สะดวกให้กลับมารวมกันที่ศาลาหมู่บ้าน หมู่ที่ 13 ตำบลหงษ์เจริญ อ.ท่าแซะ อีกครั้ง เพื่อจะประชุมปรึกษาหารือกันว่า จะดำเนินการอย่างไรต่อไป และ ช่วงระหว่างรอคณะกรรมการประชุมพิจารณาในวันที่ 29 เมษายน 2568 ว่าจะต่อสัญญาสัมปทานให้กับบริษัทหรือไม่อย่างไร พวกเราจะไม่หยุดอยู่แค่นี้ เพราะพวกเราไม่ต้องการให้รัฐต่อสัญญษสัมปทานอีก ให้นำที่ดินมาใช้ประโยชน์กับคนในพื้นที่และจัดสรรให้ชาวบ้านได้ทำกิน อีกทั้งตอนนี้ในพื้นที่หมดสัมปทานยังมีกลุ่มบุคคล กลุ่มแรงงานต่างด้าวจำนวนมาก เข้าไปเก็บเกี่ยวผลผลิตกันอยู่ ว่าจะดำเนินการอย่างไรกันต่อไป
ผู้สื่อข่าวรายงาน ว่า พื้นที่สวนปาล์มน้ำมันหมดสัมปทานมีประมาณเกือบ 3 หมื่นไร ที่ผ่านมามีการเก็บเกี่ยวผลผิตปาล์มน้ำมันเดือนละไม่ต่ำกว่า 100 ล้านบาท ซึ่งหลังจากหมดสัมปทานและยังไม่มีการต่อสัมปทาน ได้ปล่อยให้ยืดเยื้อมานานถึง 10 ปี ขณะที่ในพื้นที่ได้มีกลุ่มบุคคลหลายกลุ่ม นำแรงงานต่างด้าวจำนวนมากเข้าไปอาศัยอยู่ ได้มีการแบ่งสรร จัดสรรกันเก็บเกี่ยวผลผลิตลักลอบนำออกมาขายอย่างต่อเนื่อง จนทำให้ชาวบ้านที่รอความชัดเจน รอความหวังว่าหน่วยงานรัฐจะนำมาจัดสรรให้เป็นที่ทำกิน ต้องออกมารวมตัวกันเรียกร้องดังกล่าว.