ศูนย์ข่าวหาดใหญ่ - สว.ไชยยงค์ ห่วงคนไทยพุทธในสามจังหวัดเป็นเหยื่อความขัดแย้ง เชื่อเหตุรุนแรงต่อเนื่องจากความผิดพลาดของรัฐบาลที่ให้นายกรัฐมนตรีมาเลเซียจัดการกับบีอาร์เอ็น ส่วนประเด็นยิงอุสต๊าซ แม่ทัพภาคที่ 4 ต้องเร่งคลี่คลายข้อเท็จจริงโดยเร็ว
วันนี้ (22 เม.ย.) นายไชยยงค์ มณีรุ่งสกุล สมาชิกวุฒิสภา เปิดเผยถึงความรุนแรงในจังหวัดชายแดนภาคใต้ที่มีการวางระเบิดแสวงเครื่องที่ สภ.โคกเคียน อ.เมือง ซึ่งมีผู้บาดเจ็บหลายคนรวมทั้งมีเด็กด้วย การกราดยิงชาวไทยพุทธที่ อ.แว้ง ซึ่งมีผู้ได้รับบาดเจ็บ และการยิงครูสอนศาสนา หรืออุสต๊าซ เสียชีวิตที่ อ.สุไหงโก-ลก จ.นราธิวาส มาจากการที่รัฐบาลซึ่งมีนายวันวาร์ อิบราฮิม เป็นนายกรัฐมนตรี แถลงข่าวในการหารือกับ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ว่าจะดำเนินการกับขบวนการบีอาร์เอ็นที่มีฐานที่มั่นอยู่ในรัฐกลันตัน ประเทศมาเลเซีย ซึ่งผู้ที่ให้ความคุ้มครองขบวนการแบ่งแยกดินแดนบีอาร์เอ็น ได้แก่ พรรคพาส ที่เป็นพรรคฝ่ายค้านของมาเลเซีย
ข่าวที่รัฐบาลไทยขอให้นายกรัฐมนตรีมาเลเซียดำเนินการกับขบวนการบีอาร์เอ็น สร้างความไม่พอใจให้แก่แกนนำของบีอาร์เอ็น และแกนนำของพรรคพาสเป็นอย่างมาก จึงเป็นสาเหตุหนึ่งที่ทำให้มีการสั่งการจากแกนนำของบีอาร์เอ็นให้กองกำลังติดอาวุธในพื้นที่สามจังหวัดชายแดนภาคใต้ก่อเหตุความรุนแรงขึ้นในห้วงวันหยุดเสาร์-อาทิตย์ที่ผ่านมา
และมีการนำเอาประเด็นที่นายอับดุลรอนิง ลาเตะ ซึ่งเป็นครูสอนศาสนาหรืออุสต๊าซ ถูกคนร้ายจำนวน 4-5 คน ใช้รถกระบะเป็นพาหนะ ใช้อาวุธสงครามไล่ยิงเสียชีวิตขากลับจากละหมาดวันศุกร์ ใน ต.ปาเสมัส อ.สุไหงโก-ลก ซึ่งหลังเกิดเหตุเพจและช่องทางออนไลน์ของบีอาร์เอ็นออกมากล่าวหาว่าเป็นการกระทำของเจ้าหน้าที่ มีการโจมตีเจ้าหน้าที่ และเรียกร้องให้ “คอมมานโดฮารีเมา” หรือชุด “คอมมานโดเสือภูเขา” ที่เป็นกองกำลังติดอาวุธของบีอาร์เอ็นที่ซ่องสุมกำลังในป่าเขา ออกมาปฏิบัติการกับเจ้าหน้าที่ เป็นการแก้แค้นให้แก่ผู้เสียชีวิต
และประชาชนส่วนใหญ่ก็เชื่อในการทำ IO ของบีอาร์เอ็นว่าเจ้าหน้าที่อยู่เบื้องหลังในการเสียชีวิตของครูสอนศาสนา ทั้งที่ข้อเท็จจริง อาจจะมีจากฝ่ายของบีอาร์เอ็นเองที่ต้องการสร้างสถานการณ์ให้เกิดความเข้าใจผิด ว่าการเสียชีวิตของครูสอนศาสนาเป็นฝีมือเจ้าหน้าที่ เพราะที่ผ่านมา บีอาร์เอ็นเคยยิงคนของตนเอง เพื่อป้ายความผิดให้แก่เจ้าหน้าที่ ซึ่งเรื่องนี้ พล.ท.ไพศาล หนูสังข์ แม่ทัพภาคที่ 4 ต้องเร่งให้มีการสืบสวนสอบสวนให้ชัดเจนโดยเร็ว ว่าการเสียชีวิตของครูสอนศาสนามาจากเรื่องอะไร รวมทั้งจับกุมคนร้ายมาลงโทษ เพื่อคลี่คลายสถานการณ์ความเข้าใจผิดของคนในพื้นที่
ที่น่าเป็นห่วงคือ คนไทยพุทธในพื้นที่สามจังหวัดและสี่อำเภอของจังหวัดสงขลา ที่อาจจะตกเป็นเหยื่อของความรุนแรงจากกองกำลังติดอาวุธของบีอาร์เอ็น ซึ่งหลังเกิดเหตุ มีหลายหมู่บ้านที่เป็นหมู่บ้านเปราะบาง และมีการถอนทหารออกไป จึงขอเรียกร้องให้ กอ.รมน.ภาค 4 ส่วนหน้า ส่งทหารเข้าไปรักษาความปลอดภัยให้แก่ชุมชนไทยพุทธ เพราะเกรงว่าไม่มีความปลอดภัยจากกองกำลังติดอาวุธ เพราะก่อนหน้านี้ กองกำลังติดอาวุธได้ใช้ระเบิดแสวงเครื่องก่อเหตุกับวัดชัยรัตนาราม ใน ต.ตันหยงมัส อ.ระแงะ จ.นราธิวาส ก่อนที่จะมีการกราดยิงชาวไทยพุทธใน อ.แว้ง เมื่อคืนวันที่ 20 ที่ผ่านมา
“ เรื่องความปลอดภัยของชาวไทยพุทธเป็นเรื่องที่น่าเป็นห่วง และขอให้แม่ทัพภาคที่ 4 ให้ความสำคัญกับการดูแลพี่น้องไทยพุทธ ก่อนที่จะมีการก่อเหตุอย่างที่เกิดขึ้นที่ อ.แว้ง จ.นราธิวาส”
นายไชยยงค์ กล่าวต่อไปว่า ในการหารือกับผู้นำของประเทศมาเลเซีย เพื่อขอความร่วมมือในการแก้ปัญหาความไม่สงบในจังหวัดชายแดนภาคใต้นั้น รัฐบาลต้องไม่ทำอย่างเปิดเผย การขอให้รัฐบาลมาเลเซียดำเนินการกับบีอาร์เอ็น ต้องเข้าใจก่อนว่า ฐานกำลังของบีอาร์เอ็นอยู่ในรัฐกลันตัน และตรังตานู ซึ่งเป็นเขตอิทธิพลของพรรคพาส ที่เป็นพรรคฝ่ายค้านที่มีแนวทางขัดแย้งกับรัฐบาลกลาง และพรรคพาสให้ความคุ้มครองแก่บีอาร์เอ็นมาโดยตลอด
การที่รัฐบาลไทยขอให้มาเลเซียดำเนินการกับบีอาร์เอ็น นอกจากบีอาร์เอ็นไม่พอใจแล้ว ยังทำให้พรรคพาสไม่พอใจ เหตุรุนแรงที่เกิดขึ้นจึงเป็นการท้าทายของบีอาร์เอ็น โดยมีคนในพื้นที่ ทั้งหน่วยงานของรัฐ และประชาชน กลายเป็นเหยื่อของการไม่เข้าใจในเรื่องที่เกิดขึ้น
ประเด็นความรุนแรงในพื้นที่หลังจากนี้ อาจจะมีความต่อเนื่องจากการก่อเหตุของกองกำลังติดอาวุธ เพราะมี “เงื่อนไข” ทั้งจากเรื่องที่นายกรัฐมนตรีมาเลเซียแถลงข่าวถึงการขอความร่วมมือจากนายกรัฐมนตรีประเทศไทย ให้ดำเนินการกับขบวนการบีอาร์เอ็น และต่อเนื่องด้วยการเสียชีวิตของครูสอนศาสนา รวมทั้งการกำหนดการเดินทางลงพื้นที่ของนายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ที่จะลงพื้นที่เพื่อแก้ปัญหาความรุนแรงในจังหวัดชายแดนภาคใต้ในวันที่ 27 ที่จะถึงนี้ ดังนั้น กอ.รมน.ภาค 4 ส่วนหน้า ต้องมีการปฏิบัติการอย่างเข้มข้น เพื่อป้องกันชีวิตทั้งของเจ้าหน้าที่รัฐ และประชาชนผู้ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับสถานการณ์ของความขัดแย้ง