ชุมพร - ทหารผ่านศึกและชาวบ้านกว่า 2,000 คน ฮือถามหน่วยงานรัฐ สวนปาล์มกว่า 2 หมื่นไร่ หมดสัมปทาน ถูกดองมานาน 10 ปี ยังมีกลุ่มผลประโยชน์เข้าไปเก็บเกี่ยวผลผลิต วอนนำมาจัดสรรที่ทำกินให้ประชาชน อัดกลุ่มเสียผลประโยชน์หาเรื่องโจมตีเก็บเงินค่าหัว
วันนี้ ( 21 เม.ย.68) นายประคอง จิตรประสงค์ หรือ "ผู้ใหญ่หญีต" อายุ 64 ปี อดีตผู้ใหญ่บ้านหมู่ 13 ตำบลหงษ์เจริญ อ.ท่าแซะ จ.ชุมพร เปิดเผยว่า ตนได้รับแต่งตั้งให้เป็นตัวแทนทหารผ่านศึกชุมพร และราษฎรขอใช้สิทธิ์ในที่ดินทำกิน ในพื้นที่ป่าหมดสัมปทาน โดยเมื่อวานที่ผ่านมา ที่ลานสนามกีฬา บริเวณตาชั่ง หมู่ 10 ตำบลหงส์เจริญ อ ท่าแซะ จ.ชุมพร ได้มีพี่น้องเหล่าทหารผ่านศึก และประชาชนผู้ไม่มีที่ดินทำกินในจังหวัดชุมพร ประมาณ 2,000 คน ได้มาร่วมแสดงจุดยืน ขอใช้สิทธิ์ในที่ดินทำกินในพื้นที่หมดสัมปทานของ บริษัท วิจิตรภัณฑ์ ปาล์มออยล์ จำกัด ที่หมดอายุสัมปทานมานานถึง 10 ปีแล้ว
นายประคอง กล่าวต่อว่า นอกจากนั้นที่ผ่านมาตนได้ทำหนังสือส่งถึงผู้ว่าราชการจังหวัดชุมพร และหน่วยงานเกี่ยข้องสอบถามถึงกรณีดังกล่าว เพื่อแจ้งความประสงค์ในที่ดินหมดสัมปทานของบริษัท วิจิตรภัณฑ์ ปาล์มออยล์ จำกัด จำนวน 23,366 ไร่ ตั้งอยู่พื้นที่ หมู่ 10 ตำบลหงษ์เจริญ อ.ท่าแซะ จ.ชุมพร ที่หมดสัมปทานมาตั้งแต่ปี 2558 และพื้นที่ป่าหมดสัมปทานของ บริษัท สหไทยน้ำมันพืช จำกัด ตั้งอยู่พื้นที่ หมู่ 4 ตำบลหงษ์เจริญ อ.ท่าแซะ จ.ชุมพร ซึ่งพื้นที่ของบริษัทสหไทยฯ รัฐได้ยึดคืนมาแล้ว โดยสำนักงานปฎิรูปที่ดินจังหวัดชุมพร ส่วนหนึ่งได้จัดสรรให้กับราษฎรทำกินแล้ว แต่ยังเหลืออยู่อีกจำนวนมากเป็นพื้นที่ว่างเปล่ายังไม่ได้ดำเนินการใดๆ
แต่ทุกวันนี้ยังมีกลุ่มบุคคลเข้าไปตัดเก็บผลผลิตปาล์มในพื้นที่ป่าหมดสัมปทานจำนวนกว่า 2 หมื่นไร่อยู่ ทั้งๆที่หมดอายุสัมปทานมานานถึง 10 ปี เมื่อสอบถามหน่วยงานเกี่ยวข้องก็ทราบเพียงว่า ศาลปกครองมีคำสั่งคุ้มครองชั่วคราวบริษัทนี้อยู่ แต่ก็ยังไม่เคยมีหน่วยงานใดให้พวกตนดูและเห็นคำสั่งศาลปกครองคุ้มครองแก่บริษัทฯนี้เลยว่า มีเหตุผล มีเงื่อนไขในการคุ้มครองอย่างไร เพราะนานถึง 10 ปีแล้ว ซึ่งเรื่องนี้พวกตนจะเดินหน้าจนถึงที่สุด เพราะทุกวันนี้มีกลุ่มกลุ่มบุคคลยังมีผลประโยชน์กับการเก็บผลผลิตปาล์มในพื้นที่ป่าหมดสัมปทานแห่งนี้อยู่ จึงทำให้ราษฎรเสียสิทธิ์ในที่ดินทำกิน
นายประคอง กล่าวต่อว่า หลังจากที่ตนพร้อมกลุ่มทหารผ่านศึก และราษฎร ที่ออกมาเรียกร้องขอใช้สิทธิทำกินในที่ดินดังกล่าว ตอนนี้มีกลุ่มบุคคลผู้ไม่หวังดีที่เสียผลประโยชน์ออกมาโจมตีพวกตน หาว่าเรี่ยไรเก็บเงินค่าหัวชาวบ้านคนละ 200 บาท ซึ่งความจริงแล้วเรื่องนี้เป็นมติของชาวบ้านเอง เพราะชาวบ้านเป็นคนหาเช้ากินค่ำ ไม่มีนายทุนหรือนักการเมืองอยู่เบื้องหลัง ชาวบ้านทุกคนจึงมีมติร่วมกันบริจาคเป็นค่าใช้จ่าย ใครมีก็ให้ไม่มีก็ไม่ต้องให้ เพื่อเป็นกองทุนไว้ใช้จ่ายเป็นค่าอาหาร ค่ากาแฟ และอื่นๆ ทุกอย่างมีความชัดเจน ชาวบ้านที่มาร่วมเขารู้ดีเพราะเป็นมติของพวกเขาเอง ส่วนกลุ่มคนที่สูญเสียผลประโยชน์ นำไปโจมตีเพื่อหวังเก็บเกี่ยวผลประโยชน์ในพื้นที่ดังกล่าว
" ขณะนี้ทุกคนมีความเห็นร่วมกันแล้วว่า เมื่อพื้นที่ตรงนั้นหมดอายุสัมปทานนานถึง 10 ปีแล้ว ตอนนี้ก็ยังไม่มีคำตอบที่ชัดเจนว่าใครคือเจ้าของผู้ครอบครองหรือเป็นเจ้าของที่ดิน ว่าเป็นของเอกชนหรือของรัฐ ดังนั้นพวกเราก็จะตั้งเวรยามคอยตรวจสอบดูแลและติดตั้งกล้วงวงจรปิดทางเข้าออก ว่ามีใคร คนกลุ่มใด เข้าไปเก็บเกี่ยวผลผลิตปาล์มในพื้นที่กว่า 2 หมื่นไร่ เมื่อพบเห็นพวกเราก็จะไปแจ้งความดำเนินคดี หากเจ้าหน้าที่รัฐไม่ดำเนินคดี หรือดำเนินการใดๆ พวกเราชาวบ้านทั้งหมดก็จะเข้าไปเก็บผลผลิตเหมือนกันที่กลุ่มบุคคลดังกล่าวด้วยเช่นกัน" นายประคองกล่าว
