xs
xsm
sm
md
lg

วิกฤตหนัก โลกร้อนกระทบ “เต่ามะเฟือง” ปีนี้มีลูกแค่ 20 ตัว ขณะภารกิจเลี้ยง เต่ามะเพือง สำเร็จ นักวิจัยไทย ก้าวขึ้นไปอยู่แนวหน้าของโลก

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



ศูนย์ข่าวภูเก็ต - วิกฤต “เต่ามะเฟือง” สัตว์ทะเลหายาก ที่ได้รับผลกระทบจากโลกร้อน ที่น่ากลัว ล่าสุดพบวางไข่แค่ 4 รัง หลายร้อยฟอง แต่ฟักเป็นตัว20 ตัว ขณะที่การทางรอดให้เต่ามะเฟือง ที่หลายคนบอกว่าเป็นไปไม่ได้..ตอนนี้สำเร็จแล้ว


สำหรับสถานการณ์ “เต่ามะเฟือง” สัตว์ทะเลหายาก และ ใกล้สูญพันธ์ นับวันเข้าสู่วิกฤต พบแนวโน้มมีจำนวนลดลงเรื่อยๆ ซึ่งในช่วงฤดูวางไข่ที่ผ่านมา ตั้งแต่เดือนเม.ย.67 ต่อเนื่องถึงปี 68 พบว่า ในฝังทะเลอันดามัน มีแม่เต่ามะเฟืองขึ้นวางไข่เพียงแค่ 7 รัง เท่านั้น ถ้านับไข่เต่าจากแม่เต่ามะเฟืองทุกตัวรวมกัน มีเกือบ 1,000 ฟอง แต่เป็นเรื่องที่โหดร้ายที่สุดสำหรับฤดูกาลนี้ เมื่อถึงเวลาลูกเต่าฟักออกจากรัง กลับพบว่ามีลูกเต่าเกิดใหม่น้อยมาก รวมทั้ง 6 รัง อยู่ที่ประมาณ 20 ตัว


ซึ่ง ดร. ธรณ์ ธำรงนาวาสวัสดิ์ · ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ·ภาควิชาวิทยาศาสตร์ทางทะเล · คณะประมง เคยโพสต์เกี่ยวกับเรื่องนี้ว่า จากการตรวจสอบการฟักตัวของไข่เต่ามะเฟืองตั้งแต่ เม.ย. 2567 ไข่เต่ารังที่ 1,2,3 ไม่มีการฟักตัวออกจากไข่เนื่องจากเป็นไข่ที่ไม่มีน้ำเชื้อผสม ส่วนรังที่ 1 ปี 2568 ได้ลูกเต่า 6 ตัว จากจำนวน 127 ฟอง ซึ่งพบว่าไข่เต่ามะเฟืองจำนวนมากกว่า 100 ฟอง ที่ไม่ได้รับการผสม ส่วนรังที่ 2 ได้ลูกเต่า 5 ตัว ส่วนไข่ที่เหลือไม่ได้รับการผสม รังที่ 3 ได้ลูกเต่า 8 ตัว จากจำนวนไข่ 80 ฟอง และ รังที่ 4 พบว่ามีไข่ที่ไม่ได้รับการผสมมากถึง 64 ฟอง พบลูกเต่าที่ฟักมาแล้วตายในหลุม 1 ตัว มีไข่เต่า 4 ฟองที่เจ้าหน้าที่นำมาอบในตู้ เพื่อรอการฟักตัว


สำหรับปัญหาใหญ่ที่ส่งผลกระทบต่อ ไข่เต่ามะเฟือง ที่ไม่ได้รับการผสมน้ำเชื่อ เชื่อว่า เกิดจากปัญหาปัญหาคือเมื่อโลกร้อนขึ้น ทรายร้อนขึ้น เพราะเพศลูกเต่าที่กำหนดโดยความร้อนของทราย ทำให้ลูกเต่าเกือบทั้งหมดฟักเป็นตัวเมีย เมื่อลูกเต่ามะเฟืองส่วนใหญ่เป็นเพศเมีย เต่าเพศผู้ ที่จะเป็นพ่อพันธ์ ก็มีจำนวนน้อยลง


ดร.ธรณ์ ยังระบุอีกว่า เมื่อนำช่วงเวลาในอดีตมาเทียบ เราเริ่มโดนเอลนีโญบวกโลกร้อนจัดๆ เมื่อ 28-30 ปีก่อน จากนั้นก็แรงขึ้นเรื่อย 25 ปีผ่านไป ลูกเต่าโต ที่แม่มาวางไข่ และโตขึ้น พร้อมเป็นแม่เต่า แต่พ่อเต่าอยู่ไหน? ซึ่งสถิติเหล่านี้ เริ่มสอดคล้องกับอายุของอายุของเต่า หมายถึงต่อจากนี้ไป จำนวนพ่อเต่าคงเพิ่มขึ้นน้อยมาก เต่ามะเฟืองในทะเลมีแต่เพศเมีย ปัญหาเช่นนี้ไร้การย้อนเวลาไปแก้ไข เราคงได้แต่หาวิธีเดินหน้า อาจต้องหาทางฟักไข่ให้ได้ตัวผู้เพิ่มมากขึ้น แต่ปัญหาคือเมื่อลูกเต่าออกจากไข่ เราไม่รู้เพศ อาจถึงเวลาที่ต้องใช้เทคนิคขั้นสูง เช่น DNA ตรวจฮอร์โมน ฯลฯ ที่สมัยก่อนทำแทบไม่ได้เพราะต้องใช้งบลงทุนสูงมาก แต่มาถึงขั้นนี้ จะสูงแค่ไหนก็ต้องพยายาม


เพราะนั่นคือทางออกสุดท้าย และเป็นทางออกที่จะเห็นผลในอีก 20-30 ปีข้างหน้า เพราะต้องรอให้เต่าเพศผู้ที่ฟักได้ปล่อยไป โตจนเข้าวัยเจริญพันธุ์ ทุกอย่างลำบาก ยากเข็ญ ไม่มีอะไรเลยที่แก้ได้ง่ายๆ ไม่มีอะไรเลยที่เห็นผลทันตา World Economic Forum ยกระดับให้ Biodiversity Loss เป็นความเสี่ยงอันดับ 2 ของโลก ก็ด้วยเหตุผลนี้ เพราะเมื่อมันเกิด มันแทบไม่มีทางแก้ มันไปต่อไม่ถูก มาถึงตอนนี้ยืนยันว่า ผลกระทบจากโลกร้อน มีผลกับการอยู่ หรือ การสูญพันธุ์ ของสัตว์หายาก รวมทั้งความหลากหลายทางชีวภาพ เกิดขึ้นแล้วในทะเลไทย ซึ่งเป็นเรื่องที่โหดร้ายน่ากลัว


ขณะที่เจ้าหน้าที่กลุ่มสัตว์ทะเลหายาก ศูนย์วิจัยทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่งอันดามันตอนบน ภูเก็ต ไม่เคยย่อท้อกับปัญหานี้ ยังคงเดินหน้าเพื่อที่จะสร้างโอกาสรอดให้กับเต่ามะเฟือง โดยการทำสิ่งที่หลายคนเชื่อว่าเป็นไปไม่ได้อย่างแน่นอน คือการนำ ลูกเต่ามะเฟือง มาเลี้ยง เพื่อให้ได้ขนาดที่โตพอสมควร ถึงเวลาปล่อยกลับทะเลเต่าเหล่านี้จะไม่ตกเป็นอาหารของสัตว์ทะเลอื่นๆ โดยที่ผ่านมาหลายคนเชื่อว่าลูกเต่ามะเฟือง เมื่อฟักออกจากไข่จะต้องปล่อยกลับทะเลทันที เพราะเต่ามะเฟือง จะกินอาหารสดเช่นแมงกะพรุนเป็นๆ เป็นอาหาร และอาศัยอยู่ในน้ำลึก ทำให้การเลี้ยงไม่สามารถทำได้


แต่ตอนนี้ นายหิรัญ กังแฮ ในฐานะหัวหน้ากลุ่มสัตว์ทะเลหายาก ศูนย์วิจัยทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่งอันดามันตอนบน ภูเก็ต พร้อมด้วยทีมงาน ได้พิสูจน์ให้เห็นแล้วว่า การอนุบาลเลี้ยงลูกเต่ามะเฟือง จนเติบโตเกิน 1 ปี และปล่อยคืนสู่ทะเลได้ ไม่ใช่เรื่องเพ้อฝัน แต่เป็นความจริงที่เกิดขึ้นมาแล้วถึง 3 รุ่น หลังต้องทุ่มเททั้งแรงกาย แรงใจ ในการศึกษาวิจัย และทำมายาวนาน ถึง 8 ปี แล้ว ตั้งแต่วันแรกที่แม่เต่ามะเฟือง เริ่มกลับมาวางไข่ที่ชายฝั่งอันดามันของไทย จนได้สูตรอาหารที่ขณะนี้ได้จดลิขสิทธิ์ไว้เป็นที่ เรียบร้อยแล้ว ซึ่งการทำงานที่ผ่านมาถือว่ายากลำบากมาก นายหิรัญ กังแฮ และทีมรวมถึงวิสัยทัศน์ของผู้บริหารของกรมทช. ไม่เคยยอมแพ้ต่ออุปสรรค จนสามารถปล่อยเต่ามะเฟืองอายุ 1 ปีได้


ซึ่งจากความสำเร็จดังกล่าว ทำให้องค์กรอนุรักษ์ระดับโลกอย่าง Upwell สนใจ และเข้ามาขอร่วมมือกับกรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง โดยเมื่อปีที่แล้วพวกเขาได้นำ Satellite Tag มาติดลูกเต่ามะเฟืองหลายตัวเพื่อติดตามเส้นทางการเดินทางในทะเล ขณะเดียวกัน Upwell USA ยังได้ตัดสินใจ เชิญ นายหิรัญ กังแฮ หัวหน้ากลุ่มสัตว์ทะเลหายาก ศูนย์วิจัยทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่งอันดามันตอนบน ภูเก็ต ไปงานสัมมนา workshop ที่ประเทศปานามา เพื่อแบ่งปันความรู้ด้านการอนุบาลเต่ามะเฟือง กับนักวิจัยจากทั่วโลก


แต่ หัวหน้ากลุ่มสัตว์ทะเลหายาก ศูนย์วิจัยทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่งอันดามันตอนบน ภูเก็ต เลือกที่ไม่เดินทาง ไป เพราะมีภารกิจที่สำคัญ คือ การดูแลลูกเต่ามะเฟือง ประมาณ 20 ตัว ที่เกิดจากแม่เต่ามะเฟืองขึ้นมาวางไข่ในปี 2568 จำนวน 4 รัง เพื่อให้มีโอกาสรอดชีวิตมากที่สุดเท่าที่จะทำได้ เพราะพีนี้ถือว่าเป็นปีที่มีเต่ามะเฟืองฟักออกมาเป็นลูกเต่าน้อยมาก


ดังนั้น ดร. George, Executive Director จาก Upwell องค์กรที่ดูแลเต่าทะเลจากอเมริกา จึงเดินทางมาที่ประเทศไทย เพื่อเรียนรู้และนำองค์ความรู้จาก "นักวิชาการไทย" ไปเผยแพร่ให้กับนักวิจัยระดับโลก นี่เป็นสิ่งที่ยืนยันได้ว่าประเทศไทยไม่ได้เป็นเพียงแค่ผู้รับข้อมูลอีกต่อไป แต่เราเป็น "ผู้นำทางวิชาการ" ในด้านการอนุบาลเต่ามะเฟือง จากวันที่หลายคนบอกว่า "เป็นไปไม่ได้" วันนี้ นายหิรัญ กังแฮ และนักวิจัยไทย ก้าวขึ้นมาเป็นหนึ่งในแนวหน้าของโลกแล้ว














กำลังโหลดความคิดเห็น