xs
xsm
sm
md
lg

ชาวสวนยางพาราปัตตานีไม่ทน ยื่นหนังสือขอความเป็นธรรม ถูกนายทุนฉวยโอกาสอเมริกาปรับภาษี กดราคาต่ำกว่าตลาด

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



วันนี้ (18 เม.ย.) ที่ศูนย์ดำรงธรรม ศาลากลางจังหวัดปัตตานี นายพิศณุพงษ์ นกแก้ว ผู้อำนวยการการยางแห่งประเทศไทยจังหวัดปัตตานี ได้เข้าร่วมสังเกตการณ์การยื่นหนังสือขอความเป็นธรรมเกี่ยวกับการกดราคารับซื้อยางพารา ซึ่งนำโดยนายประยูรสิทธิ์ คณานุรักษ์ ประธานคณะกรรมการเครือข่ายเกษตรกรชาวสวนยางระดับจังหวัด จังหวัดปัตตานี พร้อมด้วยเครือข่ายเกษตรกรชาวสวนยางทั้งชาวพุทธและมุสลิมในพื้นที่จังหวัดปัตตานี กว่า 40 คน รวมตัวกันยื่นหนังสือ เพื่อขอความเป็นธรรมเกี่ยวกับการกดราคารับซื้อยางพารา ผ่านศูนย์ดำรงธรรมจังหวัดปัตตานี เพื่อส่งต่อไปยังรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ประธานคณะกรรมการการยางแห่งประเทศไทย และคณะกรรมการกลางว่าด้วยราคาสินค้าและบริการ เพื่อแก้ไขปัญหา หลังจากถูกกลุ่มทุนกดราคาการรับซื้อยางพาราอย่างไม่เป็นธรรม

ทั้งนี้พบว่าชาวสวนยางพาราในพื้นที่จังหวัดปัตตานีได้รับผลกระทบอย่างหนัก หลังราคายางพาราซื้อขายในตลาดภายในประเทศในห้วงเดือนเมษายน พ.ศ. 2568 มีราคาลดลงและตกต่ำประมาณ 10 บาทต่อ 1 กิโลกรัม และราคายางพาราแต่ละพื้นที่ ทั้งยางแผ่นรมควันชั้น 3 ยางแผ่นดิบคุนภาพดี น้ำยางสด และยางก้อนถ้วย คาดว่าน่าจะต่ำกว่าราคากลาง และมีทีท่าว่าจะลงอย่างต่อเนื่อง จนทำให้เกษตรกรชาวสวนยางพาราในพื้นที่จังหวัดปัตตานีได้รับผลกระทบเป็นวงกว้าง ในด้านต้นทุนการผลิดและ ขาดทุน และก่อให้เกิดความเดือดร้อนต่อชีวิตและครอบครัว

ชาวส่วนยางมองว่า กลุ่มนายทุน บริษัทรับซื้อยางพารารายใหญ่ ได้อาศัยสถานการณ์ที่ผู้นำประเทศสหรัฐอเมริกา ประกาศมาตรการทางภาษี 37% ในการกดราคาลง ซึ่งความเป็นจริงแล้ว มาตรการดังกล่าวก็มีการเลื่อนการบังคับใช้ออกไปอีก 90 วันแล้ว และยางพาราที่ทำการซื้อขายก็ไม่ใช่สินค้าที่อยู่ในหัวงการส่งออกไปยังต่างประเทศ ทำให้ชาวสวนยางพาราต่างไม่พอใจ และไม่เป็นธรรมต่อเกษตรกร เพราะกลุ่มนายทุนจงใจกดราคารับซื้อให้ต่ำกว่าราคาที่เป็นจริง เพื่อประโยชน์ทางการค้าที่เอาเปรียบและย่ำยีชีวิตเกษตรกรชาวสวนยาง เพื่อหวังเพียงเพื่อผลกำไรของกลุ่มทุนของตนเท่านั้น จนทำให้เกิดความปั่นป่วนซึ่งราคายาพาราในตลาด จึงออกมารวมตัวกันเรียงร้องขอความเป็นธรรมในเรื่องนี้

สำหรับราคากลางของยางพาราวันที่ 18 เมษายน 2568 พบว่า ต่อ 1 กิโลกรัม ประกอบด้วย ยางแผ่นรมควันชั้น3 อยู่ที่ 65.50 บาท ส่วนต่างจากวันก่อนหน้า+3.50 บาท ยางแผ่นดิบคุณภาพดี 63.50 บาท ส่วนต่างจากวันก่อนหน้า+3.50บาท น้ำยางสด 55.75บาท ส่วนต่างจากวันก่อนหน้า +0.25บาท และยางก้อนถ้วย 100% 53.00บาท ส่วนต่างจากวันก่อนหน้า+1.00บาท ยางก้อนถ้วย70% 37.10บาท ส่วนต่างจากวันก่อนหน้า+0.70บาท ทั้งนี้ราคาดังกล่าวเป็นราคากลาง แต่ความเป็นจริงราคาแต่ละพื้นที่จะต่ำกว่า

สำหรับข้อเรียกร้องชาวสวนยางพาราในปัตตานี ประกอบด้วย

1. ให้คณะกรรมการกลางว่าด้วยราคาสินค้าและบริการ ออกประกาศกำหนดราคาซื้อตามมาตรา 25 พ.ร.บ.ว่าด้วยราคาสินค้าและบริการฯ ในราคาที่เหมาะสม เป็นธรรมต่อชาวเกษตรกรชาวสวนยางพารา โดยให้มีการหารือ ประสานข้อมูลกับการยางแห่งประเทศไทย ก่อนมีการออกประกาศ
2. ให้คณะกรรมการกลางว่าด้วยราคาสินค้าและบริการ ออกประกาศกำหนดตามมาตรา 25 พ.ร.บ.ว่าด้วยราคาสินค้าและบริการฯ ให้ผู้รับซื้อยางพาราแจ้งปริมาณ ณ สถานที่เก็บ ต้นทุน ค่าใช้จ่าย แผนการผลิด แผนการนำเข้า แผนการส่งออก แผนการซื้อ แผนการจำหน่าย แผนการเปลี่ยนแปลงราคา หรือรายการอื่นใดที่เกี่ยวข้องในการรับซื้อ การจำหน่ายต่อพนักงานเจ้าหน้าที่ หรือการอื่นใดตามอำนาจหน้าที่ เพื่อประโยชน์ในการควบคุมสินค้ายางพาราให้มีเสถียรภาพทางราคา ไม่ให้มีการเอารัดเอาเปรียบเกษตรกร โดยให้มีการหารือ ประสานข้อมูลกับการยางแห่งประเทศไทย ก่อนมีการ
ออกประกาศ
3. เพื่อให้เกิดความชัดเจนเกี่ยวกับพฤติการณ์ หรือการกระทำที่ถือว่าเป็นการทำให้ราคาสินค้ายางพาราต่ำเกินสมควร หรือสูงเกินสมควร หรือทำให้ปั่นป่วน ซึ่งราคาของสินค้า คณะกรรมการกลางว่าด้วยราคาสินค้าและบริการออกประกาศกำหนดหลักเกณฑ์และวิธีการทำให้ราคาต่ำเกินสมควร หรือสูงเกินสมควรหรือ ทำให้ปั่นป่วนซึ่งราคา โดยประกาศในร
นุเบกษา ตามมาตรา 29 วรรคสอง แห่งพ.ร.บ.ว่าด้วยราคาสินค้าและบริการ พ.ศ.2542 โดยให้มีการหารือ ประสานข้อมูลกับการยางแห่งประเทศไทย ก่อนมีการออกประกาศ

4. ให้รัฐมนตรีกระทรวงพาณิชย์ สั่งการอธิบดีกรมการค้าภายใน และ/หรือเจ้าพนักงานที่เกี่ยวข้อง ประสานการยางแห่งประเทศไทย เจ้าหน้าหน้าที่ตำรวจ เจ้าหน้าที่สอบสวนคดีพิเศษ ตรวจสอบสืบสวน รวบรวมพยานหลักฐาน ดำเนินคดีนายทุน บริษัทรับซื้อยาพารา ที่ให้จงใจกดราคารับซื้อให้ต่ำกว่าราคาเกินสมควร หรือทำให้เกิดความปั่นป่วนซึ่งราคายางพารา ตามพระราชบัญญัติว่าด้วยราคาสินค้าและบริการ พ.ศ.2542 มาตรา 29 มาตรา 41, มาตรา 42
5. เพื่อประโยชน์ในการควบคุมการขนย้ายยางพาราในพื้นที่ชายแดน ที่มีความเสี่ยงต่อการนำยางพาราที่มีแหล่งกำเนิดจากต่างประเทศ หรือนำเข้าจากต่างประเทศ ให้มีมาตรการในการควบคุมการขนย้ายยางพาราในพื้นที่ชายแดนที่เหมาะสม มีประสิทธิภาพ ป้องกันการลักลอบนำเข้า หรือการนำยางพารา นำเข้าสวมเป็นยาพาราในราชอาณาจักรไทย ให้คณะกรรมการกลางว่าด้วยสินค้าและบริการ หรือ คณะกรรมการส่วนจังหวัด อาศัยอำนาจตามมาตรา 25 พ.ร.บ.ว่าด้วยราคาสินค้าและบริการ พ.ศ. 2542 มีประกาศคณะกรรมการกลางว่าด้วยราคาสินค้าและบริการ เรื่องการควบคุมการขนย้ายยางพารา และหลักเกณฑ์และวิธีการในการขออนุญาต การอนุญาต แบบหนังสืออนุญาต และวิธีการขนย้ายยางพาราที่
เหมาะสมเป็นธรรมมีประสิทธิภาพ โดยให้มีการหารือ ประสานข้อมูลกับการยางแห่งประเทศไทย ก่อนมีการออกประกาศ

6. ให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ และการยางแห่งประเทศไทย ประสาน อธิบดีกรมสรรพากร เจ้าพนักงานตำรวจ และเจ้าพนักงานกรมสอบสวนคดีพิเศษ จัดส่งเจ้าหน้าที่เข้าตรวจสอบบริษัทที่รับซื้อยางพาราที่มีการกดราคากับเกษตรกรอย่างไม่เป็นธรรม มีการจัดทำบัญชีรับซื้อ/ขายไม่ตรงกับความเป็นจริง ราคาซื้อ ราคาจำหน่ายไม่ตรงกับตันทุน ข้อมูลบริษัท ดังกล่าวมีอยู่ที่การยางแห่งประเทศไทย อันมีเหตุอันควรเชื่อว่ามีการหลีกเลี่ยงการเสียภาษีอากร โดยให้อธิบดีเข้าไปหรืออกคำสั่งเป็นหนังสือให้เจ้าพนักงานสรรพากรเข้าไปใน
สถานที่ประกอบกิจการนั้นๆ หรือ ยานพาหนะใดเพื่อทำการตรวจคัน ยึด หรืออายัดบัญชี เอกสาร หรือที่เกี่ยวกับหรือสันนิษฐานว่า เกี่ยวกับภาษีอากรที่จะต้องเสีย เพื่อดำเนินการให้มีการชำระภาษีแก่รัฐโดยถูกต้อง ครบถ้วน โดยให้เจ้าหน้าที่กรมสรรพากร เจ้าพนักงานและเจ้าพนักงานกรมสอบสวนคดีพิเศษ ดำเนินการตามกฎหมายทุกบทความผิด

7. ให้ปรับปรุงบทกฎหมาย ตามพ.ร.บ.ควบคุมยาง พ.ศ.2542 เพื่อให้บังคับใช้ได้อย่างมีประสิทธิภาพ ต่อไป
8. ชั้นนี้ ขอให้พนักงานเจ้าหน้าที่ตามพ.ร.บ.ควบคุมยางฯ และพนักงานเจ้าหน้าที่ตาม พ.ร.บ.ว่าด้วยควบคุมสินค้าและบริการ เข้าตรวจบัญชีการรับซื้อยาง บัญชีคุมคุมสินค้า ตามประกาศคณะกรรมการ กลางว่าด้วยราคาสินค้าและบริการ พ.ร.บ.ควบคุมยางฯ และระเบียบที่เกี่ยวข้อง ต่อไป
9. ให้คณะรัฐมนตรีพิจารณาอนุมัติโครงการสินเชื่อเงินกู้เพื่อรักษาเสถียรภาพราคายาง (คก. 10,000 ล้าน - 5,000 ล้าน) ที่ผ่านคณะกรรมการยางธรรมชาติ (กนย.) เพื่อขยายเวลาการชำระหนี้กับธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธกส.)

กลุ่มเกษตรกรชาวสวนยาง หวังเป็นอย่างยิ่งว่า จักได้รับความช่วยเหลือจากท่าน และขอขอบคุณ มา ณ โอกาสนี้ ทั้งนี้ ขอให้แจ้งตอบกายใน 15 วัน นับแต่วันที่ได้รับหนังสือฉบับนี้ หากกลุ่มเกษตรกรชาวสวนยางไม่ได้รับคำตอบ หรือไม่ได้รับความเป็นธรรม พวกเราจะยกระดับการขับเคลื่อนเพื่อต่อสู้เรื่องนี้ต่อไปด้วย

นายประยูรสิทธิ์ คณานุรักษ์ ประธานคณะกรรมการเครือข่ายเกษตรกรชาวสวนยางจังหวัดปัตตานี เปิดเผยว่า พี่น้องชาวสวนยางพาราที่มาในวันนี้เพื่อยื่นหนังสือผ่านศูนย์ดำรงธรรมของจังหวัดปัตตานี เพราะว่าเราได้รับวิกฤติของราคายางพารา เนื่องจากตั้งแต่วันที่ 8 เมษายน 2568 เราโดนทุบราคาจากกลุ่มนายทุนจาก 10 บาทต่อกิโลกรัม และวันที่ 9 เมษายน ก็โดนทุบอีก 5 บาท ซึ่งเรามองกระบวนการซื้อขายยางพาราขาดความเป็นธรรม เพราะว่าเป็นพืชควบคุมตามกฎหมายราคายางที่จะกดลงมาได้ ตามมาตรการของการยางในตลาดกลางประกาศว่าราคาที่จะลงมาได้ไม่เกิน 2 บาท ต่อกิโลกรัม แต่ว่าวันนี้ลงมา 15 บาท ในเวลา 2 วัน มันเกินความเป็นจริงมาก

“เรามองว่าขาความเป็นธรรมจากพ่อค้าในการซื้อขายยางพารา ซึ่งชาวสวนยางพารามีความเดือดร้อนค่อนข้างมาก เพราะว่าราคาต่ำกว่าต้นทุนการผลิตของเรามาก และยางพาราที่เข้าตลอดทั่วประเทศ ประมานวันละ 1 แสนตัน ถ้าคิดเป็นเงินที่ถูกกดราคาลง 10 บาท เป็นเงินรวมวันละพันล้านบาท วันนี้ผ่านมาแล้ว 8 วัน ก็รวม 8 พันล้านบาทที่เงินหายจากพี่น้องชาวสวนยางพารา จึงออกมาขอความเป็นธรรมคืนให้ชาวสวนยางพารา ซึ่งเรื่องดังกล่าว เมื่ออเมริกาได้ประกาศขึ้นภาษี กลุ่มทุนก็ฉวยโอกาสนี้กดราคายางพาราของเราลงมาทันที ซึ่งเรามองว่ามันไม่เกี่ยวกัน”

นายประยูรสิทธิ์ กล่าวว่า ฝากไปยังนายกรัฐมนตรี หรือรัฐมนตรีว่าการกระทรวงต่างๆ ที่มาดูแล และมีส่วนเกี่ยวข้องเรื่องยางพารา เรื่องดูแลพี่น้องเกษตรกร อยากจะให้ท่านมีมาตรการดูแลมากกว่านี้ให้พี่น้องเกษตรกรอยู่ดีมีสุขมากขึ้น ซึ่งเราให้ระยะเวลาในการยืนหนังสื่อไป 15 วัน อยากจะให้มีมาตรการต่างๆ ออกมาจากแต่ละกระทรวงในการช่วยเหลือ

ด้านนายอาฮะมะ ฮะยีสะนิ ชาวสวนยางพารา เปิดเผยว่า ตนเป็นชาวสวนยางพารา ช่วงที่ราคายังไม่ลง ค่าครองชีพของชาวสวนยางก็ไม่พออยู่แล้ว แต่ถูกซ้ำเติมการกดราคาลงแบบนี้ก็ยังไม่รู้ว่าจะอยู่ได้อย่างไรต่อไปได้อีก ซึ่งตนคิดว่าถ้าราคายางพาราไม่ขึ้น แน่นอนว่าความเดือดร้อน และปัญหาในสามจังหวัดชายแดนภาคใต้น่าจะทวีคูณขึ้นไปอีก ตนอยากเรียกร้องให้รัฐบาลเข้ามาช่วยดูแลอย่างเต็มด้วยด้วย อย่ามองข้ามปัญหาเรื่องนี้ เพราะจะเป็นปัญหาใหญ่ในอนาคต


กำลังโหลดความคิดเห็น