ศูนย์ข่าวหาดใหญ่ - ตำรวจ สภ.สะเดาพร้อมเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องบุกตรวจบ้านต่อสายไฟใช้ไม่ผ่านมิเตอร์ พบใช้ขุดเหรียญดิจิทัลมาไม่ต่ำกว่า 5 ปี การไฟฟ้าฯ เรียกค่าเสียหายย้อนหลังเป็นเวลา 6 ปี รวมเป็นเงินกว่า 1.2 ล้านบาท
วันนี้ (26 มี.ค.) พ.ต.ท.พลกูล ชอบกิจ รอง ผกก.สส.สภ.คลองแงะ พ.ต.ต.จิระศักดิ์ ศรประสิทธิ์ สวป.สภ.คลองแงะ นำกำลังตำรวจชุดสืบสวน สภ.คลองแงะพร้อมด้วยทหาร ร้อย ร.5021 เจ้าหน้าที่ดีเอสไอ และเจ้าหน้าที่การไฟฟ้าส่วนภูมิภาคสาขาพังลา เข้าตรวจสอบบ้านเลขที่ 2/7 ม.1 ต.ท่าโพธิ์ อ.สะเดา จ.สงขลา หลังจากที่ ร.ต.อ.สำราญ ไชยศรี พนักงานสอบสวน สภ.คลองแงะ ได้รับแจ้งจากนายสุพงศ์ มุสิกโสฬล ผู้รับมอบอำนาจจากการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค สาขาพังลา ว่า มีการนำสายไฟฟ้าไปเชื่อมต่อกับสายไฟฟ้า แล้วเดินสายไฟที่เชื่อมต่อเข้าไปในบ้านหลังดังกล่าวโดยไม่ผ่านมิเตอร์วัดไฟฟ้าจึงเชื่อว่ามีการลักกระแสไฟฟ้า
ที่เกิดเหตุเป็นบ้านลักษณะเป็นห้องแถว ซึ่งหลังที่เข้าตรวจสอบพบมีการติดตั้งกล้องวงจรปิด และมีการปิดช่องลมหรือช่องระบายอากาศไว้อย่างมิดชิด ภายในห้องพบอุปกรณ์คอมพิวเตอร์วางเรียงรายอยู่บนชั้นวาง รวมจำนวน 10 ชุด พัดลมตั้งพื้นขนาดใหญ่ 3 เครื่อง และอุปกรณ์อื่นๆ เช่น พัดลมดูดอากาศ ชุดเบรกเกอร์ ชุดตั้งเวลาเปิดปิดพัดลม ชุดป้องกันฟ้าผ่า อีกจำนวนหนึ่ง จึงได้ตรวจยึดไว้เป็นหลักฐาน ก่อนนำไปยัง สภ.คลองแงะ
จากการสอบสวนนายจำรูญ เจ้าของบ้าน ให้การว่า ชุดคอมพิวเตอร์ทั้งหมดเป็นของตนเอง ใช้สำหรับเป็นอุปกรณ์ในการขุดเหรียญดิจิทัล ทั้งบิตคอยน์และอีทีเรียม (Ethereum)
นายสำราญ ขุนฤทธิ์ ผู้ช่วยผู้ว่าการการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค เขต 3 ภาคใต้ จังหวัดยะลา เปิดเผยว่า เจ้าหน้าที่ตรวจสอบเบื้องต้นคาดว่ากระแสไฟฟ้าถูกลักมาเพื่อใช้ในการนี้ไม่ต่ำกว่า 4- 5 ปี ซึ่งในกรณีละเมิดเราเสียโอกาสในเก็บค่ากระแสไฟฟ้า เนื่องจากการเชื่อมต่อสายไฟไม่ผ่านเครื่องวัด ซึ่งต้องใช้เวลาในการตรวจสอบว่าค่าเสียหายในส่วนนั้นมากน้อยแค่ไหน
ล่าสุดมีข้อมูลอย่างไม่เป็นทางการว่าการไฟฟ้า เรียกค่าเสียหายย้อนหลังเป็นเวลา 6 ปี รวมเป็นเงินกว่า 1.2 ล้านบาท จากนายจำรูญ ผู้ต้องหาในคดีนี้ พร้อมยังถูกดำเนินคดีในข้อหาลักทรัพย์อีกด้วย