ตรัง - สองสามีภรรยาชาวตำบลอ่าวตง อำเภอวังวิเศษ จังหวัดตรัง นำสับปะรดฉีกตา พันธุ์เพชรบุรี 1 มาปลูกบนพื้นที่ว่าง ปรากฏว่า ขายดีแบบเทน้ำเทท่า จนสร้างเงินได้ถึงปีละ 2 แสน ดีกว่าทำสวนยางเสียอีก
นางปรีดา และนายสายชล น้อย สองสามีภรรยา ซึ่งประกอบอาชีพทำสวนยางพารา ในพื้นที่หมู่ที่ 2 ตำบลอ่าวตง อำเภอวังวิเศษ จังหวัดตรัง ได้ปลูกสับปะรดฉีกตา พันธุ์เพชรบุรี 1 บนพื้นที่ว่างในสวนยางพารา เนื้อที่ 3 ไร่ รวมทั้งหมดกว่า 10,000 ต้น โดยได้ทยอยเก็บผลผลิตขายตั้งแต่เดือนมกราคมเป็นต้นมา ในราคาขายส่ง กก.ละ 30 บาท แต่หากขายปลีกตามสถานที่ต่างๆ รวมทั้งตลาดนัด จะอยู่ที่ราคา กก.ละ 40 บาท ซึ่งแต่ละปีจะมีไม่พอจำหน่าย เพราะเป็นเกษตรกรที่ปลูกสับปะรดฉีกตาเพียงเจ้าเดียวในจังหวัดตรัง และก็ยังขายต้นพันธุ์สับปะรดฉีกตาอีกด้วย ในราคาต้นละ 20 บาท ซึ่งก็มีไม่พอจำหน่ายเช่นกัน เพราะเกษตรกรด้วยกันมองว่าเป็นพืชทางเลือกอีกชนิดหนึ่งของชาวใต้
นางปรีดา น้อย บอกว่า แรกเริ่มเมื่อประมาณ 4-5 ปีที่แล้ว เพื่อนได้ซื้อหน่อสับปะรดฉีกตามาฝากจำนวน 10 หน่อ ซึ่งเป็นพันธุ์เพชรบุรี 1 สับปะรดพันธุ์แนะนำของกรมวิชาการเกษตร ตั้งแต่ปี 2541 จากนั้นก็นำมาปลูกบนพื้นที่ว่างในสวนยางพารา รวมทั้งข้างบ้าน และขยายพันธุ์เรื่อยๆ จนกระทั่งต่อมา ปลูกสับปะรดได้ประมาณ 20,000 -30,000 ต้น ทำให้มีรายได้เสริมทุกปี กระทั่งล่าสุดกลายเป็นรายได้หลักที่ดีกว่าสวนยางพาราเสียอีก เพราะสร้างเม็ดเงินให้ถึงปีละประมาณ 2 แสนบาท เนื่องจากสับปะรดฉีกตา จะมีลักษณะเนื้อสีเหลือง กรอบ หอม รสชาติหวานอร่อยอมเปรี้ยวเล็กน้อย แกะตาทานได้ง่ายๆ และหากทานได้ถึงแกน จะยิ่งหอมหวานอร่อย
นอกจากนั้นสับปะรดพันธุ์นี้ ยังมีน้ำหนักดี ลูกละกว่า 1 กก. หรือบางลูกโตกว่า 2 กก. และเมื่อตัดผลผลิตแล้ว ต้นจะแตกหน่อใหม่ออกมาต้นละ 10-15 หน่อ ตัดขายได้หน่อละ 20 บาท ทำให้มีรายได้เพิ่มอีกต้นละ 200-250 บาท โดยแต่ละปีจะขายหน่อได้ประมาณ 10,000 หน่อ ซึ่งก็ไม่พอขายเช่นกัน เพราะตนต้องเก็บเอาไว้สำหรับขยายพันธุ์ปลูกเองด้วย แต่ตั้งเป้าไว้ว่าจะผลิตและขายให้ได้ปีละ 20,000 หน่อ ส่วนตัวตอนนี้ก็ปลูกใหม่เพิ่มอีก 10,000-20,000 หน่อ เพื่อเอาไว้เก็บผลผลิตในปีหน้า
ทั้งนี้ หากเกษตรกรรายใดอยู่ในพื้นที่ที่มีน้ำอุดมสมบูรณ์ ก็จะปลูกสับปะรดฉีกตาได้ตลอดปี ซึ่งผู้สนใจผลผลิตและต้นพันธุ์โทรสั่งจองได้ที่เบอร์ (063) 102-3126