กระบี่ - เกษตรกรเกาะลันตาน้อย 127 ราย ร้องทนายความ ขอความช่วยเหลือ ถูกยกเลิกการสำรวจการครอบครองที่ดินทั้งระบบในการจัดที่ดินทำกินให้ชุมชน ตามนโยบายของรัฐบาล โดย คทช.
วันนี้ (13 ก.พ.) เกษตรกรบ้านหลังสอด ต.เกาะลันตาน้อย อ.เกาะลันตา จ.กระบี่ จำนวน 127 ราย ส่งตัวแทนร้องขอความช่วยเหลือทนายราเชลร์ จันทร์อ่อน ที่ปรึกษาศูนย์ประสานงานคุ้มครองสิทธิและช่วยเหลือเกษตรกร สำนักงานสภาเกษตรกรจังหวัดกระบี่ กรณีมีหนังสือแจ้งยกเลิกการสำรวจการครอบครองที่ดิน ตามโครงการจัดที่ดินป่าไม้ทั้งระบบ ในพื้นที่ป่าสงวนแห่งชาติ ป่าหลังสอด และป่าควนบากันเกาะ
โดยสำนักจัดการทรัพยากรป่าไม้ที่ 12 สาขากระบี่ อ้างว่า จากการตรวจสอบพื้นที่ที่เกษตรกรแจ้งการสำรวจเป็นป่าเสม็ดทั่วพื้นที่ ไม่มีการทำประโยชน์ ไม่เข้าหลักเกณฑ์ที่จะนำพื้นที่เข้าสู่กระบวนการจัดที่ดินทำกินให้ชุมชน โดย คทช. (ต้องมีร่องรอยการทำประโยชน์ก่อนปี พ.ศ.2545 และยังทำประโยชน์จนถึงปัจจุบัน และมีร่องรอยการทำประโยชน์ระหว่างปี พ.ศ.2545 ถึง 2557) จึงแจ้งการยกเลิกการสำรวจดังกล่าวตามที่เกษตรกรทั้ง 127 รายได้แจ้งไว้
นายราเชลร์ จันทร์อ่อน ทนายความ กล่าวว่า จากการตรวจสอบข้อเท็จจริง พื้นที่ดังกล่าว เกษตรกรเคยแจ้ง ส.ค.1 ไว้แล้ว เกษตรกรพยายามขอออกโฉนดที่ดินมานาน แต่ไม่ได้รับการออกโฉนดที่ดิน ซ้ำมีการเพิกถอน ส.ค.1 ต่อมาเกษตรกรได้เคยยื่นคำขอนำที่ดินดังกล่าวเข้าสู่กระบวนการปฏิรูปที่ดิน กับ ส.ป.ก.กระบี่ แต่ไม่สามารถดำเนินการได้เนื่องจาก ส.ป.ก.กระบี่ แจ้งว่าที่ดินดังกล่าวมีการแจ้งการครอบครองเป็น ส.ค.1 ไว้ ไม่สามารถนำมาปฏิรูปที่ดินได้ ต่อมาจึงได้เข้าร่วมโครงการจัดที่ดินของรัฐโดย คทช. และแจ้งสำรวจการครอบครองไว้
แต่ป่าไม้ 12 กลับแจ้งมาในทำนองว่าเกษตรกรเป็นผู้บุกรุก และอ้างว่าจากการตรวจสอบพื้นที่ดังกล่าวเป็นป่าเสม็ด จึงแจ้งยกเลิกการจัดที่ดินทั้งระบบ ทั้งที่เกษตรกรทำประโยชน์มานาน ตั้งแต่ก่อนประกาศเขตป่า มีการทำนา ต่อมาจึงเปลี่ยนเป็นพืชอื่นๆ สามารถพิสูจน์ได้โดยถาพถ่ายทางอากาศแสดงการทำประโยชน์ในที่ดินของเกษตกรได้ และสิ้นสภาพป่าในความเป็นจริงมานานแล้ว และจากการที่มีการได้เคยแจ้ง ส.ค.1 ไว้ แสดงว่ากรมป่าไม้ไม่เคยมากันเขตป่าแยกออกต่างหากจากที่ดินทำกินของเกษตรกร หรือแก้ไขปัญหาให้แก่เกษตรกรแต่อย่างใด และกระทรวงทรัพย์ ไม่เคยแก้ไขปัญหานี้ให้แก่ชาวเกาะลันตาน้อย และทั่วประเทศ ทั้งที่ตำบลข้างเคียงได้รับการจัดที่ดินโดย คทช. แล้ว
จะนำเรื่องดังกล่าวเสนอต่อสภาเกษตรกรจังหวัดกระบี่ เพื่อเสนอสภาเกษตรกรแห่งชาติต่อไป และทนายความจะรับมอบอำนาจจากเกษตรกรดังกล่าวยื่นขอความช่วยเหลือต่อผู้ว่าราชการจังหวัดกระบี่ กรมป่าไม้ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากร และคณะกรรมการนโยบายที่ดินแห่งชาติ ซึ่งมีนายกรัฐมนตรีเป็นประธาน ตามลำดับต่อไป