ศูนย์ข่าวภูเก็ต - นายกสมาคมธุรกิจการท่องเที่ยวภูเก็ต คาดปีหน้าท่องเที่ยวภูเก็ตโต 10% จากปีนี้ ไม่เน้นจำนวนแต่เน้นปริมาณ หวังรายได้ทะลุ 5.5 แสนล้าน ปักหมุดเดินหน้าโรดโชว์ส่งเสริมตลาดไปที่นักท่องเที่ยวคุณภาพ กำลังซื้อสูงเข้ามาภูเก็ตตลาดทั้งปี ไม่ให้มีกรีนซีซัน
นายธเนศ ตันติพิริยะกิจ นายกสมาคมธุรกิจการท่องเที่ยวจังหวัดภูเก็ต เปิดเผยถึงภาพรวมการท่องเที่ยวของภูเก็ตตลอดปี 2567 นี้ และแนวโน้มการท่องเที่ยวของภูเก็ตในปี 2568 ที่จะถึงนี้ ว่า ในปี 2567 นี้ ถือว่าเป็นอีกหนึ่งปีที่การท่องเที่ยวของภูเก็ตมีความน่าสน ใจ จากที่การท่องเที่ยวของภูเก็ตมีการเปลี่ยนแปลงอย่างเห็นได้ชัดใน 2 เรื่องด้วยกัน คือ กลุ่มนักท่องเที่ยวที่เข้ามาภูเก็ตได้เปลี่ยนไปพอสมควร ภูเก็ตได้นักท่องเที่ยวกลุ่มคุณภาพมากขึ้นกว่าช่วงก่อนเกิดโควิดระบาด ในปี 2019 เพราะจากการเก็บสถิติพบว่านักท่องเที่ยวทุกชาติที่เดินทางเข้ามาภูเก็ตวันพักเฉลี่ยยาวขึ้น ค่าใช้จ่ายเฉลี่ยต่อคนสูงตามไปอย่างชัดเจน รวมถึงพฤติกรรมของนักท่องเที่ยวที่มาภูเก็ตไม่ได้เปลี่ยนไปเช่นกัน จากเมื่อก่อนนักท่องเที่ยวที่มาภูเก็ตจะชื่นชอบการท่องเที่ยวซี ซัน แซนด์ เป็นหลัก
แต่ปัจจุบันนี้นักท่องเที่ยวที่มาภูเก็ตให้ความสนใจในเรื่องของวัฒนธรรม วิถีชีวิตชุนชน มากขึ้น ซึ่งยืนยันได้จากการค้นหาข้อมูลที่เป็นวัฒนธรรมท้องถิ่นมากขึ้น ทำให้การท่องเที่ยวในย่านเมืองเก่าภูเก็ตโตขึ้นอย่างเห็นได้ชัด นักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและต่างชาติเข้ามาถ่ายรูปเช็กอินในย่านเมืองเก่า หอนาฬิกา แยกชาร์เตอร์ด เดินเล่นเลือกซื้อสินค้า ของที่ระลึกตั้งแต่เช้ายันดึก รวมทั้งได้ขยายไปยังถนนเกือบทุกสายในย่านเมืองเก่า ไม่ได้กระจุกอยู่แค่ถนนถลางเท่านั้น รวมไปถึงถนนคนเดินได้ขยายออกไปถึง 2 สาย ทั้งตลาดใหญ่ และชาร์เตอร์ดวอล์กกิ้งสตรีท (ถนนพังงา) แสดงให้เห็นว่าการท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรมได้รับความนิยมมากขึ้น
ถ้าดูจากตัวเลขของกรมการท่องเที่ยว โดยส่วนตัวแอบลุ้นอยู่ว่า ปี 2567 นี้ ภูเก็ตจะมีรายได้จากการท่องเที่ยวทะลุ 500,000 ล้านบาทได้หรือไม่ เมื่อเทียบกับปี 2019 ที่ภูเก็ตมีรายได้จากการท่องเที่ยว 440,000 ล้านบาท ก่อนที่จะเกิดโควิดระบาด รายได้ที่เกิดขึ้นในปีนี้เป็นรายได้ที่เกิดจากนักท่องเที่ยวที่ยังกลับเข้ามาไม่ครบร้อยเปอร์เซ็นต์ก่อนโควิดระบาด แสดงให้เห็นว่าการท่องเที่ยวของภูเก็ตเดินมาถูกต้องแล้ว เราได้นักท่องเที่ยวกลุ่มคุณภาพมากกว่าก่อนเกิดโควิด รวมทั้งในปีที่ผ่านมาภูเก็ตได้รับรางวัลในระดับโลกหลายรางวัลทำให้นักท่องเที่ยวทั่วโลกรู้จักภูเก็ตมากขึ้น เช่น
เทศกาลเพอรานากัน ที่ได้รับรางวัลขบวนพาเหรดที่ดี่ที่สุดในโลก หรือจะเป็นประเพณีถือศีลกินผักจังหวัดภูเก็ต ที่ได้รับรางวัลเฟสติวัลดีที่สุดระดับโลก และภูเก็ตเองได้รับรางวัลเป็นพื้นที่สำหรับเฟสติวัลที่ดีที่สุด และหากจะพูดวัฒนธรรมในเชิงลึกแล้ว เมื่อปลายเดือน พ.ย.ที่ผ่านมา “ชุดเคบายา” ได้รับการขึ้นทะเบียนจากยูเนสโก้ให้เป็นวัฒนธรรมที่จับต้องได้ร่วมกับอีก 5 ประเทศ จึงมั่นใจว่าปีนี้ภูเก็ตจะมีรายได้จากการท่องเที่ยวไม่ต่ำกว่า 500,000 ล้านบาท และตัวเลขนักท่องเที่ยวน่าจะอยู่ที่ 90% ของตัวเลข 14 ล้านคน
นอกจากนี้ ทางมูลนิธิพัฒนาท่องเที่ยวยั่งยืน ได้ร่วมกับสมาคมธุรกิจการท่องเที่ยวจังหวัดภูเก็ต และทีเส็บ ได้เสนอตัวเป็นเจ้าภาพจัดการประชุมท่องเที่ยวยั่งยืนในปี 2026 ซึ่งได้มีการประกาศให้ภูเก็ตเป็นเจ้าภาพอย่างเป็นทางการไปแล้วเมื่อเร็วๆ นี้ แสดงให้เห็นว่าภูเก็ตกำลังมุ่งสู่การท่องเที่ยวยั่งยืน หรือการท่องเที่ยวสีเขียว
นายกสมาคมธุรกิจการท่องเที่ยวจังหวัดภูเก็ต ยังกล่าวถึงแนวโน้มการท่องเที่ยวภูเก็ตในปีหน้า 2568 นั้น ว่า เทรนด์การท่องเที่ยวของภูเก็ตยังเดินไปในทิศทางเดิม มุ่งไปยังนักท่องเที่ยวกลุ่มคุณภาพ ที่มีกำลังซื้อสูง มากกว่าเน้นในเรื่องของจำนวนมาก และคาดว่าตัวเลขนักท่องเที่ยวน่าที่จะขยับจากปี 2567 ไม่น่าจะเกิน 10% เพราะหากขยับมากกว่านี้จะมีความยากในเรื่องของโครงสร้างพื้นฐานในการรองรับ สล็อตและที่นั่งบนเครื่องบินสามารถที่จะเพิ่มได้อีกหรือไม่ ซึ่งในปัจจุบันในหลายดิสทิเนชันที่เป็นกลุ่มหลักๆ ของภูเก็ต เช่น รัสเซีย อินเดีย ออสเตรเลีย อังกฤษ คาซัคสถาน ซาอุดีอาระเบีย และชาติอื่นๆ สล็อตที่บินเข้ามาค่อนข้างจะแน่นแล้ว และสนามบินภูเก็ตมีข้อจำกัด ทางภาคเอกชนจึงมองว่าเราจะไม่โฟกัสไปที่จำนวนนักท่องเที่ยว แต่จะไปโฟกัสที่รายได้จากการท่องเที่ยวมากกว่า และในอนาคตหากสามารถที่จะเพิ่มสล็อตเที่ยวบินมาภูเก็ตได้เพิ่มขึ้น อยากที่จะเสนอให้ภูเก็ตเป็นฮับหรือสปริงบอร์ดในการกระจายนักท่องเที่ยวบางส่วนไปยังเมืองน่าเที่ยวที่อยู่รอบๆ ภูเก็ต ทั้งพังงา ระนอง สุราษฎร์ธานี กระบี่
“ส่วนรายได้จากการท่องเที่ยวในปีหน้า 2568 คาดว่าหวังว่าจะโตจากปีนี้ 10% ถ้าปีนี้ภูเก็ตมีรายได้ไปถึง 500,000 ล้านบาท ปีหน้ารายได้จะทะลุ 550,000 ล้านบาท อาจจะไม่ใช่เรื่องง่ายแต่ต้องทำได้ เพราะเรามีเป้าหมายที่จะทำให้ภูเก็ตเป็นดิสทิเนชันสำหรับนักท่องเที่ยวคุณภาพ” นายธเนศ กล่าวและว่า
การที่จะทำให้ภูเก็ตเป็นจุดหมายปลายทางสำหรับนักท่องเที่ยวคุณภาพนั้น ในแง่ของชื่อเสียงและการให้บริการนักท่องเที่ยวให้กลับมาท่องเที่ยวใหม่นั้นถือว่าภูเก็ตพร้อม เพราะภูเก็ตมีชื่อเสียงเป็นที่รู้จักของนักท่องเที่ยวทั่วโลกอยู่แล้ว ทั้งในแง่ของธรรมชาติและวัฒนธรรม และเอกชนเองมีความพร้อมในการให้บริการด้านต่างๆ แต่สิ่งที่เป็นห่วงคือ ในเรื่องของโครงสร้างพื้นฐาน เช่น สนามบิน ที่รัฐบาลจะต้องเข้ามาลงทุนขยายขีดความสามารถให้สามารถรองรับได้เพิ่มขึ้น การขยายโครงข่ายการคมนาคมทางบกเพิ่มขึ้นเพื่อรองรับการจราจรที่หนาแน่ เช่น การก่อสร้างถนนสายที่ 2 สำหรับเข้าตัวเมืองควบคู่กับถนนเทพกระษัตรี ระบบขนส่งมวลชนที่ดีเพื่อสร้างทางเลือกในการเดินทางและลดการใช้รถยนต์ส่วนตัว และจะต้องดูแลเรื่องสิ่งแวดล้อม ทั้งการจัดการขยะมูลฝอย ให้สามารถรองรับขยะที่เพิ่มขึ้นวันละกว่า 1 พันตัน จากจำนวนนักท่องเที่ยวที่เข้ามาจำนวนมาก จึงยากจะฝากถึงองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นต้องทำเรื่องการกำจัดขยะอินทรีย์ในพื้นที่ ที่ตอนนี้ทางเทศบาล อบต.หลายแหล่งเริ่มดำเนินการแล้ว เป็นการแก้ปัญหาไม่ให้ขยะล้นเมือง รวมไปถึงการจัดหาแหล่งน้ำเพื่อผลิตน้ำประปาให้เพียงพอ และเรื่องของความปลอดภัย เพราะสิ่งเหล่านี้ล้วนแต่เป็นปัจจัยในการที่จะส่งเสริมให้ภูเก็ตเป็นจุดหมายปลายทางนักท่องเที่ยวคณภาพ
นายกสมาคมธุรกิจการท่องเที่ยวจังหวัดภูเก็ต กล่าวในตอนท้ายถึงการส่งเสริมตลาดนักท่องเที่ยวคุณภาพเข้ามาในภูเก็ตในปีหน้าว่า สมาคมธุรกิจการท่องเที่ยวจังหวัดภูเก็ตโดยการสนับสนุนงบประมาณจากองค์การบริหารส่วนจังหวัดภูเก็ต ได้วางแผนที่จะเดินทางไปทำโรดโชว์ ส่งเสริมตลาดท่องเที่ยวในประเทศต่างๆ ที่มองว่าเป็นนักท่องเที่ยวกลุ่มคุณภาพในหลายเมือง ด้วยการนำผู้ประกอบการโรงแรมและท่องเที่ยวไปนำเสนอขายสินค้าทางการท่องเที่ยว เช่น ในช่วงเดือนมกราคมนี้ จะไปทำตลาดในกลุ่มนักท่องเที่ยวตะวันออกกลาง ที่ประเทศซาอุดีอาระเบีย เนื่องจากเมื่อต้นเดือนธันวาคมที่ผ่านมา สายการบินซาอุดีอาระเบียแอร์ไลน์ได้เปิดบินจากเมืองเจตด้า และริยาดมายังภูเก็ต เมืองละสัปดาห์ละ 3 เที่ยวบิน หลังจากนั้นจะบุกตลาดอินเดียไปงานเทรดโชว์และโรดโชว์ ต่อด้วยงาน ITB ที่กรุงเบอร์ลิน ประเทศเยอรมนี รวมถึง Pree ITB ที่อังกฤษ และยังมีอีกหลายๆเมือง เช่น งาน KITF ที่คาซัคสถาน งาน ATM ที่ดูไบ โรดโชว์อีก 3-4 เมือง ที่จีน เกาหลี และรัสเซีย ที่เป็นตลาดหลัก ออสเตรเลีย และจบด้วย ITB Asia
“จากตลาดที่สมาคมเดินทางไปทำโรดโชว์และเทรดโชว์นั้น จะสาสามารถกระจายนักท่องเที่ยวให้เดินทางมาภูเก็ตได้ตลอดทั้งปี เพื่อไม่ให้ภูเก็ตมีช่วงกรีนซีซัน จำเป็นที่จะต้องหาตลาดมาเพิ่มในช่วงหน้าฝนเพื่อไม่ให้ภูเก็ตมีช่วงกรีนซีซัน ซึ่งเมื่อปีที่แล้วภูเก็ตก็ไม่มีกรีนซีซันจากที่นักท่องเที่ยวเข้ามาตลอดทั้งปี โดยเฉพาะตลาดตะวันออกกลาง ออสเตรเลีย คาซัคสถาน และรัสเซีย ชอบหน้าฝน รวมไปถึงตลาดระยะใกล้อย่างมาเลเซีย สิงคโปร์ ที่นิยมมาภูเก็ต จากแผนงานการกระตุ้นตลาดทั้งหมดนี้ คาดว่าจะทำให้รายได้จากการท่องเที่ยวเติบโตได้ไม่ต่ำกว่า 10% จากปีนี้” นายกสมาคมธุรกิจการท่องเที่ยวจังหวัดภูเก็ต กล่าวในที่สุด