"ทวี สอดส่อง" รมว.ยุติธรรม เผย 21 ปีไฟใต้ ต้องให้ประชาชนกำหนดชะตาชีวิตของตนเอง ย้ำห้ามสร้างเงื่อนไขใหม่ที่ก่อให้เกิดปัญหา
วันที่ 4 มกราคม ที่คณะวิทยาการอิสลาม มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ วิทยาเขตปัตตานี พันตำรวจเอกทวี สอดส่อง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม เป็นประธานในพิธีเปิดการจัดการแข่งขันทักษะวิชาการของนักเรียนโรงเรียนเอกชนในจังหวัดปัตตานี โดยมีนางพาตีเมาะ สะดียามู ผู้ว่าราชการจังหวัดปัตตานี พร้อมทั้งรองผู้ว่าฯ และคณะบริหาร สส.พรรคประชาชาติ ครู นักเรียนนักศึกษา ร่วมกิจกรรมจำนวนมาก
สำหรับกิจกรรมดังกล่าวจัดขึ้นเพื่อพัฒนาทักษะทางวิชาการและเสริมสร้างเครือข่ายความร่วมมือ ระหว่างโรงเรียนเอกชนในจังหวัดปัตตานี อีกทั้งเพื่อคัดเลือกตัวแทนนักเรียนเข้าร่วมการแข่งขันทักษะวิชาการ ในวันการศึกษาเอกชนส่วนภูมิภาค ประจำปีการศึกษา 2568 ระหว่างวันที่ 15-16 กุมภาพันธ์ 2568 ณ จังหวัดชุมพร
ในโอกาสนี้ พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง ได้กล่าวระหว่างพบว่า วันนี้ถือว่าเป็นวันครบรอบ 21 ปีไฟใต้ 21 ปีที่มีการสูญเสีย 21 ปีที่รัฐบาลได้สนับสนุนงบประมาณ มา 520,000 ล้านบาทเศษ นำเงินมาแก้ปัญหาจังหวัดชายแดนภาคใต้ ที่เราได้มีการสูญเสียชีวิตและทรัพย์สิน เมื่อวานให้ ศอ.บต. สรุปข้อมูลมาให้ ล่าสุดมีเหตุการณ์การสูญเสียจำนวนประมาณเกือบหนึ่งหมื่นครั้ง มีผู้เสียชีวิตประมาณหกพันคน ผู้บาดเจ็บนับหมื่นคน
แล้ววันนี้ก็ครบรอบ 21 ปี ของเหตุการณ์ภาคใต้ ที่เราบอกว่าเป็นความขัดแย้งในช่วงสุดท้ายที่เกิดขึ้น พอได้รับคำเชิญก็รู้สึกว่าต้องมา เพราะว่าเราได้หาทางออกจากความขัดแย้งมายาวนาน ความจริงทางออกมีแล้ว แต่เรายังไม่มีข้อยุติของทางออก ถ้าผมเอาจำนวนการเกิดเหตุการณ์ชายแดนภาคใต้มาดูสถิติ พบว่าเหตุการณ์ลดลงอย่างมีนัยยะสำคัญ ก็คือ การเปิดพื้นที่พูดคุย มีการเปิดพื้นที่ให้ทุกภาคส่วน ให้ประชาชนมีส่วนร่วมกับการแก้ปัญหาของภาคใต้ เพียงแต่ยังไม่ชัดเพราะช่วงเวลาไม่ค่อยต่อเนื่อง
แต่สิ่งที่ชัดเจนที่สุดของการแก้ปัญหาไฟใต้ คือ เหตุการณ์การระบาดของโควิด Covid-19 ถ้าตามที่ผมยกตัวอย่างปี 2550 เหตุการณ์ประมาณ 1004 ครั้ง พอมาเริ่มการระบาดของโควิด เหตุการณ์เกิดขึ้น 57 ครั้ง เหตุการณ์ลดลงทันที นี่คืออะไรรู้หรือไม่ นี่คือว่า ทุกชีวิตมีความสำคัญ มีคุณค่าและมีศักดิ์ศรี การอยู่รอดเป็นชีวิตเป็นสิ่งที่สำคัญที่สุด เราจะเห็นว่าในช่วงเหตุการณ์การระบาดโควิด ทุกภาคส่วนไม่ว่าจะเป็นรัฐหรือผู้เห็นต่างก็มาบอกว่าเราต้องหยุดปฏิบัติการเพื่อมาช่วยเหลือประชาชน
บทเรียนดังกล่าวผมคิดว่า การที่จะทำให้ทุกคนเหล่านี้มีชีวิตที่ดีขึ้น จะต้องทำให้ทุกคนมีความรู้ เพราะทุกคนเป็นเชลยของความคิดและปัญญา การที่จะให้คนมีความคิดและปัญญา ต้องเกิดจากการศึกษา การศึกษาเป็นการเปลี่ยนมนุษย์จากที่ไม่รู้ให้เป็นผู้มีความรู้ การเปลี่ยนมนุษย์ที่มีความป่าเถื่อนให้มีศาสนาให้มีจริยธรรม ดังนั้น ต้องใช้การศึกษานำการเมืองการทหาร เพราะการศึกษาเท่านั้นที่จะทำให้ทุกคนมีชีวิตที่ดีขึ้น อย่างในวันนี้ผมต้องขอชื่นชมกับการจัดการแข่งขันทักษะวิชาการนักเรียนโรงเรียนเอกชน ระดับจังหวัดปัตตานี
จากนั้น พ.ต.อ.ทวีได้เดินทางไปเยี่ยมกลุ่มแม่เลี้ยงเดี่ยว ฮูกมปากัตของวิสาหกิจชุมชนยูโยด่านภาษี เทศบาลเมืองปัตตานี ซึ่งเป็นกลุ่มเปราะบางในพื้นที่จังหวัดปัตตานี ในโอกาสนี้ ยังได้ให้กำลังใจหญิงพิการ ที่กรมราชทัณฑ์ได้ช่วยซ่อมหลังคาบ้านในช่วงน้ำท่วมที่ผ่านมา และยังได้เดินทางยังวัดนิกรชนาราม (วัดหัวตลาด) อ.เมืองจ.ปัตตานี เพื่อเคารพศพนายดำรง เพชรสุวรรณ อายุ 75 ปี แกนนำช่วยหาเสียงพรรคประชาชาติ เสียชีวิตจากอุบัติเหตุ เมื่อวันที่ 28 ธันวาคม 2567 ในโอกาสนี้ พ.ต.อ.ทวีได้กล่าวให้กำลังใจและจะติดตามช่วยเหลือเยียวยาตามสิทธิ์ต่างๆที่ควรได้อย่างเหมาะสมที่สุด
พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม เปิดเผยปัญหาและแนวทางการแก้ปัญหาเหตุการณ์ความไม่สงบในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ โดยกล่าวว่า ในวันนี้อยากให้มีพื้นที่ของประชาชน มีการปรึกษาหารือกันในการแก้ปัญหาความไม่สงบในพื้นที่ ในวันนี้ 21 ปีของเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ทางรัฐได้ใช้งบประมาณกว่า 5 แสนล้าน ในการแก้ปัญหาความไม่สงบ มีผู้เสียชีวิตรวมถึงผู้บาดเจ็บเกือบ 2 หมื่นราย ส่งผลกระทบต่อครอบครัวผู้เคราะห์ร้าย ทำให้ครอบครัวที่เข็มแข็งกลายเป็นครอบครัวเปราะบาง มีแม่เลี้ยงเดียว มีเด็กกำพร้า ถ้าจะทอดบทเรียนเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น หากต้องการให้สถานการณ์สงบลง มองว่าทั้ง 2 ฝ่ายต้องการที่จะทำเพื่อให้ประชาชนมีความสงบสุข เป็นเรื่องที่สำคัญ ความขัดแย้งก็จะหายไป ดังนั้น ต้องหันหน้ามาพูดคุยกัน และต้องกล้าที่จะพูดคุยกันในเรื่องของการกระจายอำนาจ การบริหารการปกครอง การถ่ายโอนอำนาจ จะทำอย่างไรเพื่อให้ประชาชนมีส่วนร่วมซึ่งเป็นหัวใจสำคัญ ซึ่งหากเกิดความขัดแย้งจนเกิดการสูญเสีย ทำให้ครอบครัวต้องสูญเสียผู้นำครอบครัว เกิดแม่เลี้ยงเดี่ยว ก็ทำให้ลูกขาดโอกาสการศึกษา ซึ่งต้องร่วมกันแก้ปัญหาควบคู่กับการพูดคุยสันติสุขด้วย
จากที่ผ่านมามองว่าพัฒนาการในการร่วมกันแก้ปัญหาต่าง ๆ ทั้ง 2 ฝ่ายมีพัฒนาการ รวมถึงประชาชนมีพัฒนาการ เพื่อที่จะให้อยู่รอด ซึ่งพลวัตปัญหาภาคใต้ ตนเชื่อว่า มีแนวโน้มดีขึ้น อย่างน้อยที่สุด การบังคับทรมาน การอุ้มหาย น่าจะไม่ปรากฏ เพราะมีกฎหมาย พรบ.อุ้มหายมาบังคับใช้ ให้สิทธิเสรีภาพของประชาชนมากขึ้น เราต้องให้ประชาชนเข้ามารับรู้มากขึ้น และรู้ชะตาชีวิตของตัวเองมากขึ้น เราเชื่อว่า การพูดคุยก็เพื่อให้ชุมชนมีความสุข การดูแลคุณภาพชีวิตของชุมชน การทำให้ทุกคนมีการศึกษาที่ดี อันนี้จะเป็นพลังในการสร้างสันติสุขในพื้นที่ได้ เพราะการวัดความมั่นคงของประเทศ ต้องวัดที่คุณภาพของคน เราต้องสร้างคุณภาพของคน
นอกจากนี้ตนยังเชื่อว่า การแก้ปัญหาต้องแก้โดยทางรัฐศาสตร์ สำคัญกว่าการพูดคุย นั้นก็คือ การกระจายอำนาจ การให้ประชาชนกำหนดชะตาชีวิตของตนเอง ดั้งนั้นเมื่อมีความขัดแย้งในพื้นที่ ก็ต้องมาพูดคุยกันในพื้นที่ก่อน ควบคู่กับคณะเจรจาพูดคุยสันติสุขด้วยซึ่งเป็นเรื่องทำจำเป็นยังคงต้องมีคณะพูดคุย แต่ต้องทำไปพร้อมกัน ตำรวจต้องให้ความเป็นธรรม กอ.รมน.ต้องเปลี่ยนมิติความมั่นคงของรัฐ กับความมั่นคงของประชาชนต้องเป็นหนึ่งอย่างเดียวกัน ความมั่นคงของรัฐก็คือความสุขของประชาชน ต้องเปลี่ยนมิติในการมอง ต้องไม่สร้างเงื่อนไขใหม่ขึ้นมาอีก