สุราษฎร์ธานี - ญาติร่ำไห้รับ 7 ศพ เสียชีวิตจากเหตุรถกระบะเสียหลักชนต้นไม้ที่จังหวัดสุราษฎร์ธานี คาดคนขับวูบหลับใน เพราะพักผ่อนน้อย ต้องขับรถทางไกล
จากกรณีอุบัติเหตุสลด รถกระบะโตโยต้า ตอนครึ่ง สีเทาดำ ซึ่งมากัน 7 คน ประกอบด้วย 1.นายชูชีพ อายุ 21 ปี ซึ่งเป็นคนขับ 2.นางนิตยา อายุ 70 ปี ยายของนายชูชีพคนขับ 3.นางศรีสุนันท์ อายุ 72 ปี พี่สาวของนางนิตยา 4.นายศุภชัย ญาติ 5.น.ส.ปภาวดี 6.ด.ช กิตตเมฆ และ 7.ด.ช.กิตตมุก ซึ่งเป็นภรรยา และลูกแฝดของนายชูชีพ คนขับ ขณะเดินทางจาก ต.ดอนยาง อ.ปะทิว จ.ชุมพร เพื่อจะไปทำธุระที่ จ.นครศรีธรรมราช โดยออกเดินทางจากบ้าน ต.ดอนยาง เมื่อเวลา 03.20 น.ของเช้าวันที่ 2 มกราคม 68
แต่ระหว่างทางรถเกิดเสียหลักพุ่งชนต้นไม้ร่องกลางถนนสาย 41 หน้าขนส่งไชยา ขาล่องใต้ กม.124 + 500 หมู่ที่ 4 ต.ป่าเว อ.ไชยา จ.สุราษฎร์ธานี เมื่อช่วงเวลา 07.30 น.ทำให้ผู้ที่โดยสารมาเสียชีวิตทั้งหมด 7 ราย
หลังเกิดเหตุทางญาติได้เดินทางไปรับศพกลับภูมิลำเนา เพื่อประกอบพิธีบำเพ็ญกุศลศพทั้ง 7 ราย จนกระทั่งเวลา 19.40 น. ท่ามกลางบรรยากาศเต็มไปด้วยความโศกเศร้า มีบรรดาญาติ และเพื่อนบ้านกว่า 300 คน ซึ่งมารอรับศพที่ศาลาอเนกประสงค์ของวัดดอนยาง ม.3 ต.ดอนยาง อ.ปะทิว จ.ชุมพร ซึ่งจัดเตรียมไว้เป็นสถานที่ตั้งศพ
นายสาธิต อายุ 38 ปี ซึ่งเป็นลูกชายของนางนิตยา เผยกับผู้สื่อข่าวว่า ตนได้เดินทางไปกับแม่และญาติที่เสียชีวิตในครั้งด้วย แต่ตนได้ขับรถยนต์เก๋งไปอีกคัน โดยรถของตนนั้นไปกัน 4 คน ส่วนรถกระบะคันที่เกิดเหตุไปกัน 7 คน ซึ่งมีแม่ตนเองนั่งไปด้วย และมีนายชูชีพ ใจเที่ยงธรรม ซึ่งศักดิ์เป็นหลานของตน เป็นผู้ขับรถคันเกิดเหตุไป
นายสาธิต กล่าวว่า พวกตนเดินทางออกจากบ้านเมื่อเวลาประมาณตี 3 เศษ และเมื่อออกเดินไปด้วยความเร็วไม่เกิน 100 กม./ชม. ซึ่งตนขับรถนำหน้า และรถกระบะขับตามติดกันมา เมื่อมาถึงปั๊มน้ำแห่งหนึ่งก่อนถึงสี่แยกเขาปีป อ.ทุ่งตะโก จ.ชุมพร หลังจากนั้นต่างคนขึ้นรถพร้อมเดินทาง โดยตนขับนำเช่นเดิม แต่เมื่อขับไปได้ระยะหนึ่งไม่พบรถกระบะตามหลังมาไม่ได้สนใจอะไรมาก จึงได้ขับต่อไป ต่อมาแม่ของตนเอง ได้โทรศัพท์มาหาบอกว่า นายชูชีพ ง่วงนอน ขอจอดนอนข้างทางก่อน ซึ่งตนรับทราบและขับต่อไปเรื่อยๆ
จนกระทั่งประมาณ 8 โมง มีคนโทรศัพท์ของแม่โทร.เข้ามา แต่พอรับสายกลับไม่ใช่เสียงแม่ แต่เป็นเสียงของผู้ชาย และพูดมาในสาย ถามตนว่าเป็นอะไรกับเจ้าของโทรศัพท์ ซึ่งตนบอกว่าเป็นลูกชาย และทางปลายสายบอกมาอีกว่า รถยนต์ที่แม่นั่งเกิดอุบัติเหตุ ขณะนี้นำส่ง รพ.แล้ว แต่ไม่ได้บอกว่าหนักแค่ไหน ตนจึงได้กลับรถมาดูพบว่าแม่และญาติเสียชีวิตหมดแล้ว
“ตนคิดว่าการเกิดอุบัติเหตุในครั้งน่าจะมาจากการหลับใน เพราะก่อนหน้านี้ นายชูชีพ ได้ขับรถไปทำธุระที่ อ.หัวหิน จ.ประจวบคีรีขันธ์ และได้กลับมาช่วงพลบค่ำของวันนั้นเลย โดยนายชูชีพ ต้องตื่นประมาณตี 1 เพื่อขับรถจากบ้านพักในตัวเมืองชุมพร เพื่อมารับทุกคน ซึ่งคอยอยู่ที่บ้านใน ต.ดอนยาง อ.ปะทิว ซึ่งมีระยะทางประมาณ 60 กม. หลังจากนั้นต้องเดินทางต่อ เมื่อเวลาตี 3 เศษ เพื่อเดินทางไป จ.นครศรีธรรมราช และเชื่อว่าเกิดอาการง่วง เพราะพักผ่อนน้อย แต่พยายามฝืน จนส่งผลให้วูบหลับในจนรถเสียหลักชนต้นไม้และทำให้ทุกคนที่โดยสารกันมาเสียชีวิตดังกล่าว
สำหรับบรรยากาศช่วงค่ำที่วัดท่ายางเหนือ เมื่อรถกู้ชีพกู้ภัยได้นำศพทั้ง 3 แม่ลูกมาถึง มีนายกเทศมนตรีเทศบาลตำบลท่ายาง ซึ่งเป็นลุงได้นั่งรถกู้ชีพไปรับศพหลานด้วยตนเอง ท่ามกลางญาติพี่น้องร่ำไห้กันระงม บางคนถึงกับเป็นลม เนื่องจากเด็กฝาแฝดทั้ง 2 คน กำลังอยู่ในวัยน่ารักน่าชัง และเป็นที่รักของญาติๆ และเพื่อนบ้าน โดยศพของเด็กชายพี่น้องคู่แฝดทั้ง 2 ศพ บรรจุในโลงสีทองโลงเดียวกัน ส่วนผู้เป็นแม่บรรจุในโลงสีเงิน ตั้งอยู่เคียงข้างกัน
นายอำพัน มากอำไพ นายกเทศมนตรีเทศบาลตำบลท่ายาง กล่าวว่า ตนได้ไปรับผู้เสียชีวิตทั้ง 7 ศพ กลับมาชุมพร ซึ่งเป็นคนอำเภอปะทิว 4 ศพ และเป็นคนตำบลท่ายาง 3 ศพ สำหรับ 3 ศพที่แยกมาทำบุญที่วัดท่ายางเหนือนั้น ตนเป็นญาติ มีศักดิ์เป็นลุงของแม่ของเด็กแฝด
ส่วนที่วัดดอนยาง หมู่ 3 ต.ดอนยาง อ.ปะทิว จ.ชุมพร บรรยากาศเต็มไปด้วยความโศกเศร้า มีบรรดาญาติและเพื่อนบ้านกว่า 300 คน มารอรับศพอีก 4 ราย และเมื่อเจ้าหน้าที่ประจำรถได้ทำการเปิดประตูและนำศพ ซึ่งบรรจุอยู่ในโลงออกมาเพื่อเรียงบนเตียง ทำพิธีรดน้ำศพตามประเพณี ทุกคนต่างร้องไห้ระงม บรรยากาศเป็นไปด้วยความโศกเศร้า